xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านค้านทัพเรือภาค 3 ใช้พื้นที่สวนป่าบางขนุนตั้งหน่วยทหาร เบื้องต้นทหารให้เข้าเก็บผลอาสินได้ พร้อมตั้งหน่วยรับข้อมูล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ค้านทัพเรือภาค 3 ขอใช้พื้นที่ส่วนป่าบางขนุนตั้งหน่วยทหาร หลังป่าไม้อนุญาตให้ใช้พื้นที่ 3,763 ไร่ ทหารเปิดศูนย์รับข้อมูลข่าวสาร ระบุขอใช้แค่ 500 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นการดูแลพิทักษ์ป่า เบื้องต้น ให้เก็บผลอาสินได้


จากกรณีทัพเรือภาคที่ 3 ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติสวนป่าบางขนุน ต.เทพกระษัตรี และ ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จำนวน 3,763 ไร่เศษ เพื่อเป็นที่ตั้งกองพันต่อสู้อากาศยานที่ 22 กรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาชายฝั่ง ศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาชายฝั่ง และกองพันสารวัตรทหารเรือที่ 4 กรมสารวัตรทหารเรือ แต่ปรากฏว่าหลังราษฎรที่เข้าไปอยู่อาศัยและทำประโยชน์ทราบเรื่อง ได้ออกมาคัดค้านเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากมองว่าจะส่งผลกระทบต่อชาวบ้านโดยตรง


ล่าสุด พล.ร.ต.ภุชงค์ รอดนิกร เสนาธิการทัพเรือภาค 3 ได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 พร้อมทีมฝ่ายบริหารได้จัดให้มีประชุมชี้แจงกรณีดังกล่าวขึ้น โดยมีนายบัญชา ธนูอินทร์ นายอำเภอถลาง นายสิทธิชัย จันทวัฒน์ นายก อบต.เทพกระษัตรี นายสุรินทร์ โยธารักษ์ รองนายก อบต.สาคู ตัวแทนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.ภูเก็ต ป่าไม้ภูเก็ต กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ตลอดจนประชาชนผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่บางส่วนและได้รับความเดือดร้อนจากการเข้าใช้พื้นที่ดังกล่าว ณ ห้องชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอถลาง จ.ภูเก็ต


นายสุรินทร์ โยธารักษ์ รองนายก อบต.สาคู กล่าวว่า เหตุที่คัดค้านไม่ให้ทหารเรือใช้พื้นที่สวนป่าบางขนุนทั้งหมด เนื่องจากมีชาวบ้านบางส่วนของ 2 ตำบล คือ ต.สาคู กับ ต.เทพกระษัตรี มีการตั้งบ้านเรือนและปลูกพืชผลทางการเกษตรในพื้นที่ดังกล่าวมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ รวมกว่า 100 ครอบครัว หากให้เขาย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าวแล้วพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน จากเดิมที่ทางท้องถิ่นเห็นชอบให้ทหารเรือใช้พื้นที่ คือ ประมาณ 400 ไร่ แต่ขณะนี้มีอนุญาตใช้คลุมทั้งพื้นที่คือ 3,763 ไร่ ซึ่งอยากให้ทัพเรือมีการทบทวนในเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน และทหารเรือไม่ควรที่จะมาตั้งฐานทัพอยู่ที่ภูเก็ต แต่ควรไปอยู่พื้นที่อื่นที่มีความเหมาะสมกว่า


ขณะที่ พล.ร.ต.ภุชงค์ รอดนิกร เสนาธิการทัพเรือภาค 3 กล่าวภายหลังการรับฟังการสะท้อนปัญหาจากผู้แทนท้องถิ่นและชุมชน ว่า ก่อนอื่นต้องขอโทษหากที่ผ่านมาอาจจะมีการเข้าใจผิด หรือการใช้คำพูดของผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะได้มีการนำข้อมูลที่ได้รับไปนำเสนอต่อผู้บังคับบัญชาต่อไป เพราะแนวนโยบายที่ได้รับมานั้นคือ ทำอย่างไรให้ประชาชนได้รับผลกระทบหรือความเดือดร้อนน้อยที่สุด และผู้ที่มีพืชผลอาสินอยู่ยังสามารถเข้าไปดำเนินการจัดเก็บได้ตามปกติ ส่วนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นจะได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาหารือ และหาทางออกที่ชัดเจนร่วมกันอีกครั้ง


หลังจากนั้น พล.ร.ต.ภุชงค์ กล่าวภายกลังการประชุม ว่า การประชุมในครั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนที่อยู่อาศัยในสวนป่าบางขนุน กรณีที่กองทัพเรือได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ในการจัดตั้งหน่วยเพื่อดูแลความมั่นคงของพื้นที่ จ.ภูเก็ต แต่ต้องมาดูประเด็นปัญหาในพื้นที่ดังกล่าวมีอะไรบ้าง จึงเชิญผู้นำชุมชน และตัวแทนพี่น้องประชาชน ตลอดจนพี่น้องที่ได้รับผลกระทบมาสะท้อนปัญหา เพื่อจะได้รวบรวมปัญหานำเสนอหน่วยเหนือได้รับทราบต่อไป


แต่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่อาจจะได้รับผลกระทบในการเข้าไปใช้พื้นที่ โดยมีการผ่อนปรนให้เข้าไปเก็บผลอาสินต่างๆ ได้ จนกว่าการแก้ปัญหาจะเรียบร้อย ซึ่งในการแก้ปัญหาของกองทัพเรือ โดยทัพเรือภาคที่ 3 จะมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้สันติวิธี คือการเจรจาเป็นหลักให้ออกมาในแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อผลประโยชน์และลดผลกระทบที่จะเกิดแก่พี่น้องประชาชน


“ในการขอใช้พื้นที่ดังกล่าวเพื่อจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยใช้พื้นที่ประมาณ 500 ไร่ แต่พื้นที่ที่ได้รับมาประมาณ 3,700 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นข้อตกลงว่า ทหารเรือจะต้องเข้าไปดูแลพิทักษ์รักษา แต่ทั้งนี้ มีพื้นที่ที่มีปัญหาอยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นหน้าที่ของกองทัพเรือที่จะต้องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาดังกล่าว โดยจะมีการตรวจสอบว่าพื้นที่ที่มีการอ้างว่าเข้าไปใช้ประโยชน์นั้นมีเอกสารครอบครองอย่างไร


หากได้มาโดยชอบธรรมจะคืนความเป็นธรรมให้พี่น้องประชาชน ส่วนพี่น้องที่ได้รับความเดือดร้อนจะได้หาทางช่วยเหลือต่อไป ซึ่งการประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นหลังจากกองทัพเรือได้รับอนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา”


พล.ร.ต.ภุชงค์ ยังกล่าวด้วยว่า เพื่อความสบายใจของพี่น้องประชาชน และได้ยืนยันตัวตนในการเข้าไปอยู่อาศัยหรือทำกินอยู่ในป่าบางขนุน จะมีการจัดตั้งศูนย์รับข้อมูลข่าวสาร เบื้องต้นกำหนดไว้ที่หน่วยซึ่งอยู่ภายในสวนป่าบางขนุนอยู่แล้ว ซึ่งจะได้มีการรวบรวมข้อมูลและใช้แก้ปัญหาต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น