xs
xsm
sm
md
lg

“ชารีฟ” สรธรรม จินดา ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เพื่อไทย เขต 3 มั่นใจเสียงตอบรับดี 25 เม.ย.นี้ "เพื่อไทย" ขนขุนพลเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ภูเก็ต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ชารีฟ” สรธรรม จินดา ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 3 หมายเลข 6 พรรคเพื่อไทย มั่นใจเสียงตอบรับดีจากนโยบายพรรคที่ทำได้จริงทุกเรื่อง 25 เม.ย.นี้ เพื่อไทยขนขุนพลบุกเกาะภูเก็ต เปิดเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงให้ผู้สมัครทั้ง 3 เขต

นายสรธรรม จินดา (ชารีฟ) ผู้สมัคร ส.ส. ภูเก็ต เขตเลือกตั้งที่ 3 หมายเลข 6 พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการตัดสินใจลงเล่นการเมืองระดับประเทศ หลังผ่านประสบการณ์การเล่นการเมืองท้องถิ่นมากว่า 30 ปี ว่า จากที่ทำงานกับท้องถิ่นมาตลอดทำให้เห็นว่าปัญหาของภูเก็ต ไม่สามารถแก้ไขได้โดยท้องถิ่น การที่จะทำให้ภูเก็ตสามารถขับเคลื่อนไปได้นั้นจะต้องขึ้นมาอยู่ในสนามใหญ่เท่านั้น จึงตัดสินใจมาลงสนามระดับชาติ ด้วยการลงสมัคร ส.ส. ต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมาภูเก็ตเราขาดโอกาสจากการสร้างผู้แทนจากชาวบ้านให้เป็นผู้แทนของคนภูเก็ตในการเป็นผู้บริหารของประเทศ ทำให้ขาดความรวดเร็วในการพัฒนา ซึ่งภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีโอกาสในทุกด้านแต่ไม่สามารถฉวยโอกาสได้ ในเวทีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตนมองว่าประสบการณ์ในการทำงานท้องถิ่นที่ผ่านมาจะนำภูเก็ตก้าวไปข้างหน้า และนำไปสู่การพัฒนาภูเก็ต


“ที่ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย เพราะมองว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่สามารถขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ สังคม คุณภาพชีวิตได้อย่างแน่นอน สามารถทำให้ทุกนโยบายเป็นจริงได้ และสร้างความก้าวหน้าให้ประเทศ ณ วันนี้ถ้าอยากให้ภูเก็ตเปลี่ยน อยากให้เลือกพรรคการเมืองอีกฝั่ง ซึ่งที่ผ่านมาคนภูเก็ตไม่เคยเลือกให้ชนะเลย วันนี้อยากให้คนภูเก็ตลองเปลี่ยนสักครั้ง ลองมาเลือกพรรคเพื่อไทย มั่นในว่าพรรคเพื่อไทยสามารถขับเคลื่อนภูเก็ต ขับเคลื่อนประเทศไทยได้ ด้วยนโยบายของพรรค” นายสรธรรม กล่าวและว่า

นโยบายของพรรคเพื่อไทยที่ตรงใจประชาชนมากที่สุด ไม่พ้นนโยบายเรื่องการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซหุงต้ม ค่าไฟฟ้า ซึ่งเรื่องนี้หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะทำทันที รวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสั้นๆ พร้อมกันทั้งประเทศ โดยการสร้างรายได้ให้ประชาชนเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการขับเคลื่อนทุกระดับ โดยการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เพื่อให้ใช้จ่ายใกล้บ้านระยะ 4 กิโลเมตร มีอายุการใช้งาน 6 เดือน สำหรับใช้จ่ายซื้อสินค้ากับร้านค้าในชุมชน รวมถึงนโยบายการการันตีรายได้ครัวเรือนละ 20,000 บาท


นายสรธรรม กล่าวต่อว่า การลงเลือกตั้งครั้งนี้มีความมั่นใจมาก เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างกับเมื่อปี 2562 มาก แต่ทุกวันนี้จากการลงพื้นที่หาเสียงพบว่า ทุกคนให้การต้อนรับพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างดี ถึงวันนี้มั่นใจว่าคนภูเก็ตอยากจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะคนภูเก็ตอยากเห็นเศรษฐกิจดีมากกว่ามองเรื่องของการเมือง ซึ่งนโยบายของพรรคเพื่อไทยนั้นมีความชัดเจนอยู่แล้วในเรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว หรือเรื่องอื่นๆ ที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้

นายสรธรรม กล่าวในตอนท้ายว่า วันที่ 25 เม.ย.นี้ พรรคเพื่อไทยจะขนขุนพลของพรรคมาจัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งประกอบด้วย แพรทองธาร ชินวัตร ที่จะปราศรัยผ่านทางออนไลน์ นายเศรษฐา ทวีสิน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมด้วยผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 เขต คือ นายวัชรพงษ์ อนันตกูล ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 หมายเลข 7 นายอาวุธ หนูเชต ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 หมายเลข 1 และนายสรธรรม จินดา ผู้สมัครเขต 3 หมายเลข 6 ที่โรงยิมเนเซียม 4,000 ที่นั่งสะพานหิน ตั้งแต่เวลา 16.00-18.00 น.จึงอยากเชิญชวนพี่น้องชาวภูเก็ตไปร่วมกับฟังการปราศรัยของแกนนำพรรคเพื่อไทยในวันและเวลาดังกล่าว


ขณะที่ นายสนธยา หลาวหล้าง ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ส.ส. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าจังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามามาก แต่จังหวัดภูเก็ตยังมีปัญหาในหลายเรื่องที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะปัญหาการจราจรติดขัดที่กลายเป็นปัญหาใหญ่หลังการท่องเที่ยวฟื้นตัวจากโควิด ซึ่งปัญหานี้จะต้องได้รับการแก้ไข และโดนส่วนตัวมองว่าการแก้ไขปัญหาจราจรของภูเก็ตนั้นจะต้องมีถนนสายที่ 2 เกิดขึ้น เพื่อระบายรถออกจากถนนเส้นหลัก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการศึกษาที่จะทำถนนแนวใต้เสาไฟฟ้าแรงสูง เพื่อระบายรถไปทางฝั่งตะวันตก เป็นถนนสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาการจราจรได้

ส่วนอุโมงค์ทางลอดป่าตอง เพื่อแก้ปัญหาการจราจรในเส้นทางกะทู้ไปป่าตองนั้น ตอนนี้ยังไม่มีเอกชนรายใดสนใจยื่นซองประมูลและไม่แน่ใจว่าโครงการจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ จึงอยากให้มีการปรับปรุงถนนเส้นเดิมให้มีความลาดชันน้อยลง จะทำให้การจราจรมีความคล่องตัวมากขึ้น

นอกจากนั้น ปัญหาอีกเรื่องที่คิดว่าภูเก็ตจะต้องได้รับการแก้ไข คือ ปัญหาด้านสาธารณสุข ซึ่งปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าโรงพยาบาลระดับอำเภอใน จ.ภูเก็ต มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ไม่เพียงพอ ถ้ามีผู้ป่วยหนักเมื่อส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอำเภอแล้วบ้างครั้งต้องส่งไปที่โรงพยาบาลจังหวัด เนื่องจากเครื่องมือไม่สามารถรองรับได้ จึงอยากให้เพิ่มในจุดนี้ และปัญหาการประกอบอาชีพของกลุ่มอาชีพต่างๆ ที่ประกอบอาชีพบนพื้นที่สาธารณะ ให้คนเหล่านี้ได้ประกอบอาชีพอย่างถูกต้อง ไม่ถูกขับไล่ และได้รับการดูแลที่เท่าเทียม


กำลังโหลดความคิดเห็น