โดย.. เมือง ไม้ขม
เขตเลือกตั้งที่ 4 จังหวัดสงขลา เป็นอีกเขตเลือกตั้งหนึ่ง พรรคการเมืองใหญ่ๆ 4-5 พรรคส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง แต่มีการแข่งขันกันอย่าง “ดุเดือด” ทั้งบนดิน-ใต้ดิน เพื่อเจาะคะแนนเสียงของประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียง ในพื้นที่ อ.ระโนด อำเภอกระแสสินธุ์ อ.สทิงพระ และส่วนหนึ่งของ อ.สิงหนคร จ.สงขลา
ในอดีตครั้งที่ประชาธิปัตย์ ส่งเสาโทรเลขลงสมัคร ประชาชาชนก็เลือก ที่นั่งของ ส.ส.เขตนี้จึงเป็นของประชาธิปัตย์มาโดยตลอด เพิ่งจะถูกเปลี่ยนโดยประชาชนในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี อดีตนายตำรวจ ที่ไปรับราชการนอกพื้นที่ กลับมาสมัคร ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งขณะนั้นถูกมองว่าเป็นพรรคเฉพาะกิจ ได้รับเลือกตั้งเข้ามาด้วยการล้มแชมป์อย่าง “ชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว” อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ เจ้าของพื้นที่ไปอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคการเมืองน้อย ใหญ่ต่างส่งผู้สมัครเพื่อหวังชิงชัย 1 เก้าอี้ของ ส.ส.เขต 4 ไปครองให้ได้ ประเดิมด้วยพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องการแชมป์คือ ด้วยการส่ง “ชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว” แก้มืออีกครั้ง ในขณะที่แชมป์เก่า คือ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี อดีต ส.ส.คนล่าสุด ได้ย้ายจากค่ายพลังประชารัฐ ของลุงป้อม ตามอดีต ส.ส.ทั้ง 3 คนของ จ.สงขลามาลงสมัครในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะเชื่อมั่นในกระแสของลุงตู่ ว่าจะทำให้ได้รับเลือกตั้งเข้าสภาหินอ่อนอีกครั้ง ที่สำคัญพรรคภูมิใจไทย ก็เห็นถึงจุดอ่อนของ ส.ส.ในพื้นที่เขต 4 และหมายมั่นที่จะปักธงให้ได้ ส.ส.ในเขตนี้ โดยส่ง “ส.จ.ลูกเต้ง” ว่าที่ ร.ต.ไกรธนู แกล้วทะนง อดีต ส.จ.เขต อ.ระโนด จ.สงขลา ลงรับสมัคร โดยมีเจ๊เปี๊ยะ นาที รัชกิจประการ และ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ 2 ขุนศึกแม่ทัพพรรคภูมิใจไทย ที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้เดิมเกมการเมืองเพื่อเติมเต็มให้ ส.จ.ลูกเต้ง อย่างเต็มที่ ซึ่งครั้งแรก ประชาชน และคอการเมืองเข้าใจว่า การเลือกตั้งในเขตนี้เป็นการสู้กันของ 3 พรรคการเมืองใหญ่ ระหว่างประชาธิปัตย์ รวมไทยสร้างชาติ และภูมิใจไทย และผู้สมัครจากพรรคอื่นๆ ที่ส่งผู้สมัครเพื่อหวังคะแนนเสียงปาร์ตี้ลิสต์ มากกว่า ส.ส.เขต
แต่พลันที่มีชื่อของ "ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว" มาปรากฏตัวเป็นผู้สมัครในเขตเลือกตั้งที่ 4 ในนามพรรคพลังประชารัฐ ได้หมายเลข 1 ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป จากการแข่งขัน ของ 3 พรรคการเมือง กลายเป็น 4 พรรคการเมืองใหญ่ ที่หัวหน้าพรรค และผู้สมัครต่างมีบารมี ที่จะต้องมีการวัดใจประชาชนว่าจะเลือกผู้สมัครของพรรคไหนมาเป็นผู้แทนของเขตเลือกตั้งที่ 4 โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ของ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ถูกปรามาสว่าเป็นพรรคการเมืองที่ไม่มีจุดขายในสนามการเมืองของภาคใต้
“ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว” ไม่เคยเป็นนักการเมือง ไม่เคยสงสมัครในพื้นที่ท้องถิ่นไหน แต่ไฉนจึงกล้าที่จะต่อกรกับผู้สมัครพรรคการเมืองใหญ่ๆ ในเขตเลือกตั้งที่ 4 และทำไม่ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคจึงกล้าส่ง "ชนนพัฒฐ์" ลงสนามเพื่อสู้ศึกในเขตเลือกตั้งที่ 4 ในครั้งนี้
ในปี 2564-2565 “ชนนพัฒฐ์” เคยปรากฏตัวในพื้นที่เลือกตั้งเขต 4 อย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำพาของ ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ส.ว.พรรคพลังประชารัฐ ในขณะนั้น เพื่อบอกให้ประชาชนทราบว่า “ชนนพัฒฐ์” จะมาเป็นตัวแทน” ของ ร.ต.อ.อรุณ ที่จะไม่ไปต่อบนถนนการเมืองสายนี้ เนื่องจากปัญหาสุขภาพ ดังนั้น ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 4 แห่งนี้ จึงรู้จักมักคุ้น และได้ร่วมกิจกรรมทางการเมือง กับ “ชนนพัฒฐ์” มาแล้วกว่า 2 ปี ดังนั้น ชนนพัฒฐ์ จึงไม่ใช้คนแปลกหน้าสำหรับประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 4 แต่อย่าใด
"ชนนพัฒฐ์" ที่หลังจากได้หมายเลขผู้สมัครแล้ว ได้ออกพบปะกับประชาชนในเขตเลือกตั้งอย่างทันที เพราะมีเวลาหาเสียงเพียง 30 กว่าวันเท่านั้น ในการออกพบปะประชาชนครั้งนี้ นอกจากการแนะนำหมายเลขผู้สมัคร ที่ได้หมายเลข 1 และหมายเลขพรรคพลังประชารัฐแล้ว ยังมีการนำนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง
นโยบายที่พรรคพลังประชารัฐนำเสนอแก่ ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 4 คือเรื่องของของ “น้ำ” เนื่องจากพื้นที่ของคาบสมุทรสทิงพระ จ.สงขลา ที่ประกอบด้วย อ.ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ และสิงหนคร มีปัญหาเรื่องน้ำแล้ง และน้ำท่วมมาโดยตลอด และยังไม่มีรัฐบาล และพรรคการเมืองไหนที่จะแก้ไขปัญหาของน้ำแล้ง-น้ำท่วม ที่สร้างความเสียหาย และเป็นปัญหาอุปสรรคของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเกือบทั้งหมดมีอาชีพในการ “เกษตร” ทำนา ทำสวน และไร่นาสวนผสม รวมทั้ง เลี้ยงกุ้ง-เลี้ยงปลาในบางพื้นที่
“ชนนพัฒฐ์” ได้หาเสียงกับประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 4 ถึงจุดแข็ง ของลุงป้อม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าเป็นผู้รับผิดชอบ “โครงการน้ำแห่งชาติ” ที่มีแผนในการแก้ปัญหา “น้ำแล้ง-น้ำท่วม” ทั้งประเทศ เลือกพรรคพลังประชารัฐจะไม่มีปัญหาน้ำท่วม และน้ำแล้งอีกต่อไป โดยเฉพาะในคาบสมุทรสทิงพระ พรรคพลังประชารัฐมีแผนงานในการแก้ปัญหาทั้งระบบ โดยเฉพาะการ “พัฒนาทะเลสาบสงขลา” ที่ถูกทอดทิ้งจากทุกรัฐบาล จนทำให้ทะเลสาบสงขลาตื้นเขิน มีน้ำเสีย”ที่ถูกปล่อยลงทะเลสาบ ถ้า “พลังประชารัฐ” ได้เป็นรัฐบาล ปัญหาเรื่องน้ำในคาบสมุทรสทิงพระ ต้องได้รับการแก้ไข และ จะมีการพัฒนาการท่องเที่ยว ทั้งในทะเลสาบสงขลา และในพื้นที่ของคาบสมุทรสทิงพระ เนื่องจากใน 4 อำเภอดังกล่าวของเขตเลือกตั้งที่ 4 มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และเชิงประวัติศาสตร์มากมาย ที่ยังไม่มีการนำมาสร้างเพื่อเป็นจุดขายในการสร้างรายได้ให้ประชาชนในคาบสมุทรสทิงพระแห่งนี้ และแม้แต่เรื่องของการกีฬา ก็ไม่มีการส่งเสริมให้เยาวชนในพื้นที่ในเรื่องของการกีฬาอย่างจริงจัง หากพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล และตนเองได้เป็นผู้แทนในเขตเลือกตั้งที่ 4 เรื่องทั้งหมดที่กล่าว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนสำหรับการพัฒนาในคาบสมุทรสทิงพระแห่งนี้
ที่นุ่ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตร แต่ผลผลิตที่ออกสู่ตลาดไม่ได้สร้างความร่ำรวยให้เกษตรกร ข้าว พืชผัก ผลไม้ ราคาของกุ้ง ปลา ที่เกษตรกรเลี้ยงมีปัญหาทุกตัว มีการเรียกร้อง มีการร้องเรียนให้ หน่วยงานของรัฐเข้ามาแก้ปัญหาโดยตลอด เรื่องความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพของเกษตรกร จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่พลังประชารัฐมีนโยบายที่ชัดเจนในเข้าเข้ามาดูแล ซึ่งเชื่อว่าหากแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วมได้แล้ว ปัญหาอื่นๆ ของเกษตรกรจะแก้ได้ไม่ยาก
นายชนนพัฒฐ์ กล่าวว่า แม้ผมจะไม่เคยเล่นการเมือง ไม่ว่าจะระดับไหน ตาผมมีความรู้ มีความเข้าใจในปัญหาของประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 4 หรือในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ และที่สำคัญคือ ผมมีความตั้งใจที่จะเป็นนักการเมือง ที่จะเข้ามารับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น ที่สำคัญผมประสบความสำเร็จในเรื่องกีฬา ในฐานะที่เป็นประธานสโมสรฟุตบอล นครศรียูไนเต็ด จ.นครศรีธรรมราช กจะใช้ประโยชน์ในเรื่องกีฬา เป็นอีกจุดแข็งสำหรับสร้างความสุขให้คนในเขตเลือกตั้งที่ 4 แห่งนี้ และจากการลงพื้นที่ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ทำให้มั่นใจว่า ผม และพลังประชารัฐจะเป็นทางเลือก ในการนำปัญหาทั้งหมดของ ประชาชนออกไปจากประชาชน เพื่อให้คาบสมุทรสทิงพระกลับมาเป็นอู่ข้าว อู่น้ำของ จ.สงขลาอีกครั้ง
แต่...สุดท้าย ใครจะได้ เป็น ส.ส.ของเขตเลือกตั้งที่ 4 หรือพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระนั้น ผู้สมัครทุกพรรคการเมืองต่างมั่นใจว่าจะได้รับการเลือกเพื่อได้เป็นผู้แทนแน่นอน แต่ในเมื่อ ผู้แทนเขต 4 มีเพียงที่นั่งเดียว ในขณะที่ผู้สมัครมีมากเกือบ 10 พรรคการเมือง และเป็นพรรคการเมืองใหญ่ๆ ถึง 4 พรรค ทุกคนทุกพรรคจึงมีสิทธิลุ้นในการเป็น ส.ส.เท่ากัน เพราะสุดท้ายตำแหน่ง ส.ส.เขต 4 ใครจะสอบได้ หรือสอบไม่ผ่าน อยู่ที่ปลายปากของของประชาชนในวันที่ 14 พฤษภาคม ที่จะเป็นผู้ลิขิต