สุราษฎร์ธานี - ย้าย “ผกก.สภ.คีรีรัฐนิคม” ไปช่วยราชการด่วน ฐานปล่อยปละละเลยจนเกิดเหตุยิงถล่มในสวนปาล์มดับ 4 ศพ “บิ๊กโจ๊ก” เผย "ด.ต.อรรถพร" ผู้ต้องหาหลบหนีไปพร้อมอาวุธสงครามถือว่าเป็นบุคคลอันตราย หากต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ให้ใช้มาตรการเด็ดขาดได้เลย
เมื่อเวลา 17.30 น.วันนี้ (10 เม.ย.) ที่ สภ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้ประชุมร่วมกับ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.ภาค 8 พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 และ พล.ต.ต.ศรัญญู ชํานาญราช ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามคดี และซักปากคำนายมานพ ผู้ต้องหาคดี ด.ต.อรรถพร วิเชียร อายุ 46 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ งานป้องกันปราบปราม สภ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี กับพวกใช้อาวุธปืนสงคราม M16 และอาวุธปืนลูกซองยิงถล่มบ้านพักในสวนปาล์ม อ.คีรีรัฐนิคม และมีการยิงต่อสู้กัน มีผู้เสียชีวิตรวม 4 คน และเจ้าหน้าที่พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 คน คือ นายอรรพล หรือบาส อายุประมาณ 25 ปี เป็นลูกชาย ด.ต.อรรถพร ผู้ก่อเหตุ อีกคนคือ น.ส.พนิดา ภรรยาของ ด.ต.อรรถพร ศพถูกพบในรีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งเสียชีวิตมาแล้ว 3-4 วัน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้มีผู้ร่วมก่อเหตุ 4 คน จับกุมแล้ว 1 คน คือ นายมานพ เสียชีวิต 2 คน คือ นายธรรมรัตน์ และนายอรรถพล พี่ชาย และลูกชายของ ด.ต.อรรถพร โดย ด.ต.อรรถพร ได้หลบหนีไปพร้อมกับอาวุธปืนสงคราม และอาวุธปืนพกสั้น ซึ่ง ผบช.ภ.8 ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัว เนื่องจากเป็นบุคคลอันตราย
"ในการสอบสวนนายมานพ อ้างว่า ไม่ทราบว่า ด.ต.อรรถพร จะชวนไปก่อเหตุดังกล่าว ที่ไปด้วยคิดว่าจะพาไปเป็นสายยาเสพติด แต่ตำรวจไม่ปักใจในคำให้การของผู้ต้องหา ซึ่งจะต้องเป็นไปตามวัตถุพยานทางนิติวิทยาศาสตร์
ส่วนกรณีอาวุธปืนสงครามที่ ด.ต.อรรถพร ใช้ก่อเหตุ ได้สั่งการให้ สภ.คีรีรัฐนิคม ซึ่งเป็นต้นสังกัดรายงานการเบิกจ่ายอาวุธปืนเป็นการเร่งด่วน ซึ่งตรงนี้มีระเบียบเกี่ยวกับการกำกับดูแลอยู่ แต่ล่าสุดยังไม่ได้รับรายงาน
ซึ่งในวันนี้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิต ผบช.ภ.8 ได้มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.เกรียงไกร เกตุแก้ว ผกก.สภ.คีรีรัฐนิคม ไปช่วยราชการที่ สปก.ภ.8 ฐานปล่อยปละละเลยในการกำกับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา และให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเกี่ยวกับกรณีเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามลอบยิงนายธรรมรงค์ เมื่อเดือนธันวาคม 2565 แต่ไม่ได้มีการสืบสวนติดตามคนร้ายเพื่อยุติความขัดแย้ง โดยอ้างว่าผู้เสียหายไม่ติดใจ ซึ่งขณะนี้เรากำลังเชื่อมโยงว่าการเกิดเหตุครัังก่อนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุครั้งนี้หรือไม่
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ผู้ก่อเหตุเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้ว แต่ครั้งก่อนแค่ยิงเฉียดๆ ซึ่งทางผู้กำกับและรองผู้กำกับรู้เรื่องเป็นอย่างดี แต่ยังไม่แก้ไขจนเกิดเหตุขึ้นซ้ำอีก
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้คนร้ายยังมีอาวุธสงครามอยู่ในมือ หากมีการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ให้ใช้มาตรการเด็ดขาดได้เลย ส่วนมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุนั้นมาจากเรื่องเดียวคือความขัดแย้ง เนื่องจากทั้งคู่เคยมีเรื่องกันมาก่อน เพราะผู้ใหญ่บ้านไม่ต้องการให้บุตรสาวแต่งงานกับดาบตำรวจ