ในเขตเลือกตั้งที่ 9 จ.สงขลา ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นของ จ.สงขลา จากเดิม 8 เขต โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ปรากฏชื่อผู้สมัครที่ประชาชนให้ความสนใจคือ นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง หรือสิงห์โต ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ผู้เป็นลูกชายของนายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือนายกชาย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ส.สงขลา เขต 5 ที่จะต้องแข่งกับนายล่องหิ้น ทิพย์แก้ว นักการเมืองท้องถิ่นรุ่นลายคราม ที่เป็น ส.จ.หลายสมัยของ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ซึ่งสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ นายสมชาย เล่งหลัก หรือยีชาย ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย อดีตผู้สมัครเขต 5 พรรคพลังประชารัฐ เมื่อปี 2562 ที่พ่ายแพ้ให้แก่นายเดชอิศม์ ขาวทอง นอกจากนั้น ยังมีผู้สมัครจากพรรคการเมืองอีกหลายพรรค แต่ที่ได้รับความสนใจและมีกระแสในการเลือกตั้งครั้งนี้มีเพียง 3 คนจาก 3 พรรคการเมืองใหญ่เท่านั้น
พื้นที่ของการเลือกตั้งเขต 9 ครอบคลุม อ.บางกล่ำทั้งหมด และมี ต.คลองแห ต.ควนลัง ต.บ้านพรุ ต.พะตง ต.บ้านไร่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งหากนับอาวุโสทางการเมืองแล้ว นายล่องหิ้น ทิพย์แก้ว เป็นนักการเมืองรุ่นลายครามที่ผ่านเวทีหาเสียง มีประสบการณ์ในทางการเมืองมากที่สุด จากการเป็นสมาชิกสภาจังหวัดสงขลาที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง และเป็นนักการเมืองที่มีทุนส่วนตัวมากพอสมควร ซึ่งครั้งนี้ข่าวว่า "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้การซับพอร์ตอย่างเต็มที่ และที่เป็นจุดแข็งคือเป็นคน อ.บางกล่ำ มีญาติพี่น้อง เพื่อนพ้องน้องพี่ในเขตเลือกตั้งนี้ให้การสนับสนุน แต่จุดอ่อนคือ เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่าผู้สมัครทุกพรรคทุกคน
ในขณะที่ค่ายประชาธิปัตย์ ตัดสินใจส่งนายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง ซึ่งเป็นนักเรียนนอก เป็นคนหนุ่มที่มีวิสัยทัศน์ เป็นลูกชายของนายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือนายกชาย รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส.เขต 5 ประชาธิปัตย์ลงสมัคร เพราะต้องการตอกฝาโลง เพื่อให้ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด "สิงห์โต" แม้จะไม่เคยผ่านสนามการเมือง การเลือกตั้งมาก่อน แต่หลังจากประกาศตัวลงสมัครมีความมุ่งมั่นในการทำงานการเมือง ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของคนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง "ขจัดจุดอ่อน" ทางการเมืองไปได้ และอาศัย "จุดแข็ง" คือการเป็นลูกชายของ "นายกชาย" นายเดชอิศม์ ขาวทอง ที่เป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่เขต 9 ทำให้ได้รับการกล่าวขวัญจากประชาชนมากกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ แต่นี่เป็นเพียงการ เริ่มต้นในการออกสตาร์ทเท่านั้น และอาจจะได้เปรียบตรงที่ออกสตาร์ทเร็วกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ และใช้โซเชียลเพื่อสร้างกระแสอย่างเป็นระบบ แต่ในระยะยาวต้องติดตามดูว่า “คะแนนนิยม” มีความผันแปรหรือไม่
และที่ไม่อาจจะมองข้ามคือ "สิงห์หนุ่ม" ผู้สมัครอีกคนจากพรรคภูมิไทยไทย คือนายสมชาย เล่งหลัก หรือยีชาย ผู้มีการเมืองในสายเลือด ปี 2562 ลงสมัครในเขต 5 สงขลา ในนามพรรคพลังประชารัฐ และพ่ายคะแนนให้แก่เดชอิศม์ ขาวทอง ผู้เป็นพ่อของ "สิงห์โต" มาแล้ว จึงพกพาเอาประสบการณ์ของความพ่ายแพ้ในรอบที่แล้วมาเป็นบทเรียนในการเลือกตั้งครั้งนี้ มาในนามของ "ภูมิใจไทย" โดยการหนุนเสริมของ "พิพัฒน์ รัชกิจประการ" และ "พ.อ.พิเศษสุชาติ จันทรโชติกุล" ผู้อำนวยการยุทธศาสตร์พรรคภูมิใจไทย จ.สงขลา ซึ่ง พ.อ.สุชาติ ครั้งที่แล้วเป็น ผอ.เลือกตั้งภาคใต้ให้พรรคพลังประชารัฐ เคยสร้างปาฏิหาริย์ให้พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส.ในภาคใต้มาแล้ว 13 คน และ "สมชาย เล่งหลัก" ก็ไม่ใช่นักการเมืองที่เป็นตะเกียงขาดน้ำมัน แต่มีน้ำมันเต็มถัง พร้อมที่สปีด เพื่อแข่งกับคู่ต่อสู้ได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยง
เขตเลือกตั้งที่ 9 เป็นเขตเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นมาของ จ.สงขลา ซึ่งยังไม่มี ส.ส.คนไหนเป็นเจ้าของพื้นที่ ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องของการเป็นเจ้าถิ่น วันนี้แม้ว่าดูแล้ว นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง “สิงห์โต” จะอาศัยความเป็นคนหนุ่มที่ลงพื้นที่ก่อนคนอื่นๆ และความเป็นลูกชายของนายเดชอิศม์ ขาวทอง จึงวิ่งนำหน้าผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่นๆ แต่วันเวลาที่เหลือจนถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่เป็นวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง อาจจะมีการพลิกผันเกิดขึ้นก็เป็นได้ เพราะเรื่องของการเมืองมีตัวแปรที่จะตามมาอีกมากมาย ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นนายสมชาย เล่งหลัก จากภูมิใจไทย และนายล่องหิ้น ทิพย์แก้ว ต่างก็มีสิทธิที่จะเร่งสปีดทั้งในทางตรงและทางโค้งเพื่อเข้าวินได้เช่นกัน แต่ถ้าเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ “สิงห์โต” ค่ายประชาธิปัตย์ ได้เป็นผู้แทนเขต 9 แน่นอน