ตรัง - หนุ่มตรังเบื่ออาชีพไกด์กลับบ้านมาปลูกมะละกอ พร้อมนำเทคนิคใหม่ๆ มาใช้จนสำเร็จ ทำให้ต้นเตี้ย ดูแลง่าย เก็บง่าย สร้างเม็ดเงินให้อย่างงดงาม แถมผลผลิตยังมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดสูง
วันนี้ (31 มี.ค.) ว่าที่ ร.ท.ธนภัทร หลักเพชร หรือแบงก์ อายุ 37 ปี ซึ่งเรียนจบปริญญาตรีสาขาการท่องเที่ยว จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (มทร.) สงขลา และเคยทำงานเป็นไกด์ในกรุงเทพฯ โดยรับผิดชอบพาลูกค้าไปท่องเที่ยวประเทศต่างๆ จนแทบจะทุกเมือง ตลอดระยะเวลา 5 ปี แต่กลับรู้สึกเบื่อหน่ายในงานที่ทำนี้ และปรึกษาครอบครัวเพื่อขอกลับมาทำธุรกิจเล็กๆ ที่บ้านเกิดในเมืองตรัง เมื่อปี 2560 ก่อนที่จะพลิกผันชีวิตด้วยการนำผืนดินที่มีเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ บริเวณหมู่ที่ 6 บ้านสันตัง ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง มาทดลองทำการเกษตรหลายชนิด เช่น ปลูกต้นอินทผลัม สละ มะพร้าวน้ำหอม ทุเรียน และได้มาลุยอย่างจริงจังในช่วงสถานการณ์โควิด-19
กระทั่งในที่สุดเขาค้นพบว่า มะละกอพันธุ์เรดเลดี้ เป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจที่สุด จึงยอมโค่นต้นอินทผลัม ซึ่งปลูกแล้วไม่ได้ผล เนื่องจากภาคใต้มีอากาศร้อนชื้น ไม่ใช่ร้อนจัดอย่างที่อินทผลัมชอบ แล้วนำมะละกอมาปลูกลงไปแทน โดยเริ่มจากไม่กี่ร้อยต้น พร้อมกับศึกษาเรียนรู้พัฒนาคุณภาพไปเรื่อยๆ จนสามารถขยายพื้นที่ปลูกมะละกอได้ถึง 1,000 ต้น หรือให้ผลผลิตเป็นรุ่นที่ 8 แล้ว และตั้งเป้าหมายที่จะปลูกให้ได้ถึง 5,000 ต้นในปีหน้า เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทั้งในท้องถิ่น หรือจังหวัดท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น ภูเก็ต พังงา กระบี่ รวมทั้งห้างยักษ์ใหญ่อย่างเซ็ลทรัล ที่ต้องการมะละกอกินสุกสัปดาห์ละ 2-3 ตัน ขณะที่ปัจจุบันผลิตได้แค่ 200-300 กิโลกรัมเท่านั้น
โดยว่าที่ ร.ท.ธนภัทร หลักเพชร บอกว่า จุดเด่นมะละกอที่สวนของตนคือ ปลอดสารเคมี หวานอร่อย และผิวสวย จนได้เครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร เพราะดูแลเอาใส่ บำรุงต้น และให้ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ พร้อมยอมรับว่าในภาคใต้อาจจะปลูกมะละกอได้ยากกว่าภาคอื่นๆ เนื่องจากมีฝนตกเกือบทั้งปี ทำให้มีปัญหารากเน่า และผลเป็นรา แต่น่าดีใจที่ตรงที่ผลผลิตของมะละกอในภาคใต้กลับมีคุณภาพดีที่สุด จนเป็นที่ต้องการของตลาดสูง ชนิดที่ว่าผลิตเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ราคามะละกอถีบตัวสูงขึ้นตามลำดับ โดยเกรดทั่วไปราคาส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 25 บาท ปลีก 30 บาท ส่วนเกรด A ราคาส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 35 บาท ปลีก 50 บาท
สำหรับมะละกอพันธุ์เรดเลดี้ ที่เขานำมาปลูกนั้นจะเป็นแบบเนื้อเยื่อ ซึ่งปลูกไปแค่ 6 เดือนครึ่ง จะเริ่มให้ผลผลิตต่อเนื่องไปจนอายุต้นได้ราวๆ 2 ปี หรือได้ผลผลิตประมาณ 400-500 ลูก สร้ายรายได้ให้ต้นละ 8,000-10,000 บาท นอกจากนั้น ตนยังได้ทดลองทำมะละกอแบบต้นเตี้ย หรือให้ต้นเอนไปกับพื้นดิน ด้วยการกรีดต้นเป็น 4-6 แฉก ตั้งแต่อายุได้ 2 เดือน ก่อนบิดต้นให้โน้มลงต่ำ ทำให้ได้มะละกอที่ต้นแข็งแรงมาก ต้นเตี้ย ดูแลและเก็บผลผลิตง่าย แถมมีอายุเก็บเกี่ยวได้นานกว่าการปลูกแบบต้นตรงๆ ขณะที่จำนวนผลผลิตไม่ต่างกัน ซึ่งถือเป็นเทคนิคใหม่ๆ ของการปลูกมะละกอ โดยผู้สนใจที่ต้องการมาเรียนรู้สามารถติดต่อได้ที่ไร่ทรัพย์สมบูรณ์ โทร.08-6941-1988