xs
xsm
sm
md
lg

ยังไม่หายสงสัย “ทำไมแพงจัง” จัดซื้อจัดจ้างโครงการในพังงาเห็นราคาแล้วหวิว ส่วนการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังต้องรอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ยังไม่หายสงสัย “ทำไมแพงจัง” แค่ 4 โครงการงบกว่า 100 ล้าน จาก “ทองอุไร” ต้นละ 6 พัน “น้ำพุ” 20 ล้าน ตามมาด้วยซีฟูดตัวละ 350,000 บาท ลามต่อเสาโซลาร์เซลล์ เก้าอี้เด็ก โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม ส่วนผลสอบยังต้องรอ


ยังไม่แผ่วสำหรับการออกมาตีแผ่โครงการต่างๆ ในพื้นที่พังงา ที่มีการดำเนินการ ระหว่างปี 2564-2565 จาก จำนวน 13 โครงการ ที่มีการขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 จำนวน 167 ล้านบาท โดยเพจ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” เปิดประเด็นมา 4 โครงการที่ชวนให้สงสัยเรื่องของราคาที่ดูเหมือนว่าการจัดซื้อจัดจ้างน่าจะแพงเกินจริง


โดยประเดิมเปิดประเด็นที่ทำร้อนเอาระอุกันไปถ้วนหน้ากับราคา “ต้นทองอุไร” แสนแพง ซึ่งปลูกอยู่หน้าศูนย์ราชการจังหวัดพังงา ต้นละ 6,090.50 บาท ตามมาด้วย “ชุดน้ำพุดนตรีแสงสีเสียง เปิดได้ 3
วันเกม” ราคากว่า 20 ล้านบาท “กินหญ้า! ปลูกไม่ครบ หายไป 1.3 แสนบาท” ก่อนที่จะลามไปถึง “รวงผึ้งต้นละ 20,098.65
บาท” หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ตายไป 1 ต้น “กระถางใบละสองหมื่นเจ็ด”



ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น ยังเปิดประเด็นต่อ เสาไฟโซลาร์เซลล์ ต้นละ55,089 บาท ตามมาด้วย ปูทับปุด ปลากระเบน กุ้งมังกร ตัวละ 350,000 หมื่น ม้านั่งแบบ คสล.ตัวละ 57,896 บาท ยังรวมไปถึงต้นหูกระจง 7 ล้าน กัลปพฤกษ์ 9 แสน ซึ่งส่วนใหญ่ยืนต้นตาย ยังเจ็บใจไม่พอกับราคาวัสดุอุปกรณ์ที่มองว่าสูงเกินจริง ตามไปเปิดต่อกับโครงการสวนสาธารณะนบปริง ที่ต้องตะลึงกับราคาเก้าอี้กินข้าวเด็ก ตัวละ 8,000 บาท โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม 15,000 บาท โถปัสสาวะ 2 ชุด 25,720 บาท ม้านั่งตัวละ 25,063 บาท

หลังมีการโพสต์อย่างต่อเนื่อง ปรากฏว่ามีการแสดงความคิดเห็นในโซเชียลอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่ทุกคนสงสัยว่าทำไมการจัดซื้อจัดจ้างบางอย่างเข้าข่ายน่าจะแพงเกินจริง ไม่ว่าจะเป็นต้นทองอุไร ม้านั่ง เก้าอี้เด็ก เสาไฟ ประติมากรรมสัตว์ทะเล ปูดำ ปลากระเบน กุ้งมังกร เพราะถ้าดูจากราคาตลาดราคาน่าจะแตกต่างกันมาก เช่น ต้นทองอุไร ราคาในตลาดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2-3,000 บาท ขนาดลำต้นเดียวกัน


อย่างไรก็ตาม หลังมีการออกมาแฉอย่างต่อเนื่อง ผู้ว่าฯ พังงา นั่งไม่ติด ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ในขณะเดียวกัน ทาง ป.ป.ท.เขต18 และ ป.ป.ช.พังงา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเช่นกัน ซึ่งในช่วงแรกๆ หลังจากมีการออกมาเปิดประเด็นเรื่องของราคาต้นทางอุไร และชุดน้ำพุ ทางโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา เจ้าของโครงการได้ชี้แจงว่า ต้นทองอุไร ราคาต้นละ 6 พันบาท รวงผึ้ง ราคาต้นละ 20,000 บาทนั้น เป็นราคาที่รวมค่าประกันความเสียหายเป็นเวลา 2 ปี และในส่วนของน้ำพุ ราคา 6 ล้าน เป็นน้ำพุแสง สี เสียงยังสามารถใช้งานได้ ไม่ได้ชำรุดแต่อย่างใด แต่ที่ไม่สามารถเปิดได้ เพราะระดับน้ำในคลองพังงาลดต่ำ และเป็นน้ำกร่อยไม่สามารถเติมเข้าสู่น้ำพุได้

แต่หลังที่มีการออกมาแฉอย่างต่อเนื่องในอีกหลายโครงการ ทางโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดพังงา กลับปิดปากเงียบ ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน บอกเพียงว่าส่งหลักฐานต่างๆ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบแล้ว และมีการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามสัญญาจ้าง โดยขณะนี้มีการนำต้นทองอุไร มาปลูกทดแทนต้นที่ตาย และไม่โต แล้ว โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปลูกทดแทน ส่วนน้ำพุแสงสีเสียงได้มีการเติมน้ำลงไปในคลองจนสามารถเปิดได้แล้ว


อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ พบว่า บริเวณหน้าศูนย์ราชการจังหวัดพังงา ผู้รับเหมากำลังปลูกต้นทองอุไร แทนต้นที่ตายเพื่อให้ครบจำนวน 37 ต้น ตามที่ระบุในสัญญาจ้าง ส่วนน้ำพุดนตรีมีการเติมน้ำลงคลอง และมีการเปิดในช่วงเย็น ขณะนี้ทางเดินรอบคลองที่มีการติดตั้งเสาไฟโซลาร์เซลล์ ซึ่งอยู่ด้านหลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พบว่าขณะนี้มีการตัดหญ้าบริเวณทางเดินและด้านข้าง ทำให้ประชาชนสามารถวิ่ง หรือเดินออกกำลังกายได้แล้ว แต่บริเวณริมคลองที่มีการเรียงหินพบว่ายังมีต้นไม้ขนาดต่างๆ และหญ้าขึ้นปกคลุมบางจุด


ส่วนโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณจุดชมวิวและปรับปรุงท่าเรือเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวบ้านท่าไทร หมู่ที่ 7 ต.บ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า ในส่วนของกุ้งมังกร ปลากระเบน ปูดำ 3 จุด มีสภาพชำรุด เช่น กุ้งมังกร บริเวณหนวดปูนกะเทาะออกมาจนเห็นเนื้อเหล็ก ส่วนปลากระเบน บริเวณส่วนหัวมีรอยลอกออกมาเป็นสีขาว เช่นเดียวกับปูดำ มีรอยชำรุดหลายจุด ทั้งกระดอง ก้าม และตา นอกจากนั้น พบว่าเสาไฟบริเวณอาคารท่าเทียบเรือ รวมทั้งป้าย มีสภาพชำรุด ส่วนจุดชมวิวมีสภาพเหมือนไม่เคยมีการใช้งาน

ขณะที่ม้านั่ง ที่ระบุว่า ราคา 57,000 บาท จำนวน 8 ตัว พบว่าบางตัวมีสภาพปูนชำรุด บางตัวเต็มไปด้วยลูกไทรที่นกคายทิ้งไว้จนไม่สามารถนั่งได้ และส่วนใหญ่วางไว้กลางแดด ขณะที่ต้นไม้ที่นำมาปลูกพบว่ามีสภาพสมบูรณ์ไม่กี่ต้น มีบางต้นที่ออกดอกอย่างสวยงาม แต่ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพยืนต้นตาย


ส่วนโครงการปรับปรุงสระน้ำสาธารณะนบปริง เพื่อชุมชนและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หมู่ 1 ต.นบปริง อ.เมืองพังงา ที่มีการระบุเก้าอี้กินข้าวเด็กตัวละ 8,000 บาท โต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม 15,000 บาท โถปัสสาวะ 2 ชุด 25,720 บาท ม้านั่งตัวละ 25,063 บาท จากการตรวจสอบพบว่า เก้าอี้นั่งกินข้าวเด็กมีจำนวน 1 ตัว รวมทั้งที่เปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก วางไว้ในห้องน้ำหญิง สภาพไม่เคยผ่านการใช้งาน ขณะที่ภายในห้องน้ำหญิงมีสภาพสกปรกไปด้วยขยะและคราบน้ำคล้ายสนิม เช่น เดียวกับโถปัสสาวะ 2 ชุด 25,720 บาท บริเวณฝั่งห้องน้ำชาย พบว่า มีสภาพไม่ต่างกัน รวมทั้งอ่างล้างมือ ภายในห้องน้ำที่ค่อนข้างสงปรก จากการตรวจสอบพบว่าไม่มีน้ำใช้ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะยังไม่เปิดให้บริการ แต่พบว่ามีคนงานเข้าไปตัดหญ้า และต้นไม้บริเวณสวนสาธารณะดังกล่าวด้วย


อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลพบว่า โครงการทั้ง 4 โครงการที่ออกมาตีแผ่ ประกอบด้วย 1.โครงการก่อสร้างปรับปรุงภูมิทัศน์คลองพังงา งบประมาณในการดำเนินโครงการ 30 ล้าน โดยห้างหุ้นส่วนไทรงามวัสดุภัณฑ์ เป็นผู้ดำเนินการ 2.โครงการปรับปรุงสระน้ำสาธารณะนบปริงเพื่อชุมชนและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หมู่ 1 ต.นบปริง อ.เมืองพังงา งบประมาณ 39,987,400 บาท โดยบริษัทเอสซีจี 1995 จำกัด (ให้บริการ) 3.โครงการติดตั้งเสาไฟโซลาร์เซลล์ 28 ต้น งบประมาณ 4,572,387 บาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองพังงา เชื่อมต่อถนนเฉลิมพระเกียรติ หมู่ที่ 3 ต.ถ้ำน้ำผุด อ.เมืองพังงา ซึ่งใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 30 ล้านบาท โดย หจก.เฉลิมการก่อสร้าง จำกัด 4.โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณจุดชมวิว และปรับปรุงท่าเรือเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวบ้านท่าไทร หมู่ที่ 7 ต.บ่อแสน อ.ทับปุด จ.พังงา งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 28 ล้านบาท โดย หจก.เฉลิมก่อสร้าง จำกัด ซึ่งทั้ง 4 โครงการ อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพังงา ก่อสร้างในปี 2564-2565 ในสมัยที่นายจำเริญ ทิพยพงศ์ธาดา เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ขณะนี้ย้ายไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล รวมงบประมาณในการดำเนินการกว่า 100 ล้านบาท


ขณะที่หน่วยงาน ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ไม่ได้นิ่งนอนใจ ลงพื้นที่ตรวจสอบทันทีหลังจากที่เป็นข่าวทางสื่อออนไลน์ โดย น.ส.ศุภาลักษณ์ จิรักษา ผอง ป.ป.ช.จ.พังงา กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช. นั้นหลังมีข่าวปรากฏในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการก่อสร้างปรับปรุงภูมิทัศน์คลองพังงา บางรายการที่สื่อระบุว่ามีการจัดซื้อจัดจ้างแพงเกินจริงหรือไม่ หรือมีการจัดซื้อจัดจ้าง อย่างไร


เรื่องนี้ทาง ป.ป.ช. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ตั้งโครงการ รวมทั้งมีการสอบถามไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเอกสารแล้ว ประกอบกับเรื่องนี้มีการร้องเรียนผ่านมาทาง ป.ป.ช.ส่วนกลางด้วย ทาง ป.ป.ช.พังงาจึงได้รับเรื่องดังกล่าวไว้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการแสวงหาข้อมูลและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อเอามาพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาหรือพฤติกรรมเป็นไปตามข้อกล่าวหาหรือไม่ หรือมีวิธีการปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างถูกต้องหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องใช้เวลาในการเก็บรวบรวมพยายานหลักฐาน ซึ่งตามกรอบจะใช้เวลาประมาณ 180 วัน โดยการดำเนินงานนั้นได้ทำงานร่วมกับ ป.ป.ช.ภาค 8 ที่ขณะนี้มีการลงพื้นที่เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด ส่วนโครงการอื่นๆ นั้นขณะนี้ยังไม่มีการร้องเรียนเข้ามาแต่อย่างใด แต่ ป.ป.ช.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่เป็นข่าวอยู่ในสื่อออนไลน์ จนถึงขณะนี้ไม่สามารถชี้ได้ว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าวทั้ง 13 โครงการ ก่อนที่จะมีการเสนอของบประมาณ ได้มีการติวเข้ม โดย 3 ส.ค.63 เวลา 08.30 น. ที่ห้องประชุมเหมืองแร่ ศาลากลางจังหวัดพังงา โดยนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้ประชุม 10 หน่วยงานที่จัดทำโครงการและได้รับการจัดสรรงบประมาณตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 จำนวน 13 โครงการ ได้เข้าอธิบายถึงรายละเอียดของโครงการต่างๆ เพื่อแนะนำเตรียมความพร้อมการชี้แจง ต่อคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ในสมัยนั้นได้ให้คำแนะนำ เช่น ให้ส่วนราชการได้ทำการแจกแจงรายละเอียดคือ วัตถุประสงค์ของโครงการ กิจกรรมแยกย่อยภายในโครงการ หากมีการฝึกอบรมเพิ่มความรู้จะฝึกลักษณะไหน กลุ่มเป้าหมายคือใคร ค่าใช้จ่ายในการอบรมต่อครั้งเท่าไหร่ ทำแล้วให้ผลลัพธ์อย่างไร หากเป็นการซ่อมสร้างต้องอ้างถึงราคาที่เหมาะสม และที่สำคัญภายหลังที่เสร็จสิ้นโครงการไปแล้วประชาชนได้ประโยชน์อย่างไรกับโครงการนั้นๆ เพื่อจะได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน เพื่อรับงบประมาณในการจัดทำโครงการให้สำเร็จลุล่วงต่อไป


สำหรับโครงการ 13 โครงการที่ต้องทำการชี้แจงรายละเอียด ได้แก่ 1.โครงการยกระดับช่องทางการตลาดด้วยตลาดออนไลน์ งบประมาณ 605,600 บาท 2.โครงการส่งเสริมและเชื่อมโยงตลาดสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ชุมชนจังหวัดพังงา งบประมาณ 447,900 บาท 3.โครงการพัฒนายกระดับผู้ผลิตผู้ประกอบการ OTOP สู่การเป็นมืออาชีพ 4.0 งบประมาณ 2,204,700 บาท 4.โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา งบประมาณ 636,000 บาท 5.โครงการพัฒนาเมืองเก่า สู่การเป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต (Living Museum) เพื่อสร้างศักยภาพการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของจังหวัดพังงา งบประมาณ 5,370,000 บาท


6 โครงการสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมจิตอาสาจังหวัดพังงา ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 งบประมาณ 857,100 บาท 7.โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจังหวัดพังงา งบประมาณ 5,377,200 บาท 8.โครงการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดพังงา งบประมาณ 933,200 บาท 9.โครงการทุ่นท่าเทียบเรือลอยน้ำจังหวัดพังงา (ระยะที่ 2) งบประมาณ 37,000,000 บาท 10.โครงการปรับปรุงสระน้ำสาธารณะนบปริงเพื่อชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หมู่ที่ 1 ตำบลนบปริง อำเภอเมืองพังงา งบประมาณ 40,000,000 บาท 11.โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณจุดชมวิวและปรับปรุงท่าเรือเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว บ้านท่าไทร หมู่ที่ 7 ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด งบประมาณ 28,135,500 บาท 12.โครงการพัฒนาระบบป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา ประจำปี พ.ศ.2564 งบประมาณ 8,400,000 บาท และ 13.โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองพังงา เชื่อมต่อถนนเฉลิมพระเกียรติ หมู่ที่ 3 ตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมืองพังงา งบประมาณ 30,000,000 บาท


ท้ายที่สุดแล้ว การจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ ทั้ง 4 โครงการมีราคาเกินจริงตามที่สื่อออกมาตีแผ่หรือไม่ หรือมีการซื้อจัดจ้างถูกต้องหรือไม่ คงต้องรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริงจากคณะกรรมการที่ทางจังหวัดแต่งตั้ง รวมทั้งผลสอบสวนสืบสวนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งจนถึงตอนนี้ทุกคนยังคงสงสัย “ว่าทำไมแพงจัง”


กำลังโหลดความคิดเห็น