ศูนย์ข่าวภาคใต้ - “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมหารือหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการจังหวัดกระบี่ เพื่อเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเกาะลันตา-ลังกาวี
วานนี้ (16 มี.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมหารือเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงเกาะลันตา-ลังกาวี ของจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำโดย น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.กระบี่ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมาได้เดินทางไปเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย พร้อมกับ ททท.เพื่อหารือกับผู้บริหารพื้นที่พิเศษของลังกาวี มีความคิดตรงกันว่าจะทำอย่างไรให้เป็น Destination to Island คือ หนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว สองเกาะ สองประเทศ จึงเป็นที่มาของการหารือในวันนี้ร่วมกับจังหวัดว่า หากจะเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเกาะลันตา-ลังกาวี จะพร้อมขนาดไหน ซึ่งผู้ว่าฯ บอกว่าได้เตรียมความพร้อมในการตั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ศาลาด่าน เกาะลันตา ซึ่งได้ลงไปดูพื้นที่แล้ว และหารือในรายละเอียดด้านการเดินทาง โดยมีข้อจำกัดว่าลังกาวีไม่อนุญาตให้นำเรือสปีดโบ๊ตเข้าไป น่าจะมีทางออกว่าใช้เรือเฟอร์รี่ ซึ่งจะได้ดำเนินการต่อไปทั้ง 2 ส่วนคือ เกาะลันตาและลังกาวี เพื่อให้เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวนี้ได้
รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่เคยมีรายได้พีกสุดในปี 2562 คือ 120,000 ล้านบาท เราจะพัฒนาได้หรือไม่ว่าจะเพิ่มรายได้การท่องเที่ยวได้มากขึ้นอย่างไร เพราะจังหวัดกระบี่ยังมีศักยภาพที่ยังพัฒนาได้อีกมาก โดยขณะนี้ได้วางโครงสร้างไว้ คือ สามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ ซึ่งภูเก็ตเราจะพูดถึงเมืองในอนาคต Smart City และพังงาได้กำหนดเป็นการท่องเที่ยว Low Carbon ส่วนจังหวัดกระบี่จะชูคลองท่อมเมืองสปา เนื่องจากอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำพุร้อน แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ เรามีน้ำพุร้อนเค็ม ซึ่งเป็น 1 ใน 2 แห่งของโลกเท่านั้น เราจึงต้องการพัฒนาให้อำเภอคลองท่อมเป็นเมืองสปา ควบคู่กับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และเชื่อมต่อไปยังการท่องเที่ยวทางทะเล
ด้านนายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จังหวัดกระบี่มีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยว เป็นเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ข้อมูลตั้งแต่หลังโควิด-19 ช่วง ต.ค. 65-ก.พ.66 เรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่เกือบ 800,000 คน ซึ่งถือว่าสูงมาก วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ได้หารือการเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวเพื่อเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ไปเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เพื่อเป็นโอกาสที่จะแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยว และจะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ และหากมีการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะลันตาเสร็จจะเชื่อมโยงกันได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของทั้งจังหวัด ททท.และกระทรวงที่จะต้องช่วยกันผลักดัน ซึ่งจังหวัดกระบี่พร้อมที่จะพัฒนาด้านการท่องเที่ยวร่วมกันเพื่อความยั่งยืนต่อไป
นายสมชาย ชมพูน้อย ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีบริษัทเรือที่ลังกาวี 2 บริษัทที่ให้บริการเส้นทางลังกาวี-เกาะหลีเป๊ะ และบริษัททัวร์ 3 บริษัทที่ให้บริการจากหลีเป๊ะ-เกาะลันตา โดยใช้รูปแบบการเดินทาง 2 Step คือ เดินทางจากลังกาวีถึงเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เพื่อมา Stamp passport ที่ ตม.หลีเป๊ะ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง ราคาค่าเรือประมาณ 1,400 บาท จากนั้นซื้อตั๋วเดินทางต่อมาเกาะลันตา อีก 2.30-3 ชั่วโมง ค่าเรือประมาณ 1,500-1,700 บาท เป็นเรือเฟอร์รี่ จุผู้โดยสารครั้งละ 50-60 คน
การเดินทางจะเปิดให้บริการ 6 เดือน เฉพาะช่วงพฤศจิกายน-พฤษภาคมของทุกปี และจะปิดช่วงมรสุม ซึ่งประเด็นการหารือในวันนี้ คือ หากมีการติดตั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองที่เกาะลันตาจะอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการจะเดินทาง Direct Ferry จากลังกาวีมาเกาะลันตาได้เลย โดยไม่ต้องแวะหลีเป๊ะ และประโยชน์ที่เกาะลันตาจะได้รับกรณีติดตั้ง ตม.ที่เกาะลันตา คือ จะส่งผลดีต่อเส้นทางการเดินเรือใหม่ที่จะลดระยะเวลาเหลือ 3 ชั่วโมง 30 นาที และเพิ่มกลุ่มเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซีย รวมถึงเพิ่มเส้นทางท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ อ.เกาะลันตาอีกด้วย
ในขณะที่ภาคเอกชน และผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ที่เข้าร่วมประชุมต่างเห็นด้วย และพร้อมให้ความร่วมมือในการผลักดันให้เกิดเส้นทางการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเกาะลันตา จ.กระบี่ กับเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่