นพ.สุนทร ศรีสุวรรณ์ อาจารย์แพทย์ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลศูนย์หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวว่า “ข้อไหล่” จัดเป็นข้อที่มีความสำคัญมากข้อหนึ่งของร่างกาย ใช้ประกอบกิจวัตรประจำวัน เช่น แปรงฟัน อาบน้ำถูสบู่ หวีผม ถือช้อนรับประทานอาหาร เพราะฉะนั้น หากใครมีปัญหากับข้อไหล่ จะทำให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ยากลำบากเป็นอย่างมาก
กลุ่มโรคนี้พบได้ในผู้ป่วยหลากหลายกลุ่มอายุ โดยมีอาการได้ดังต่อไปนี้
1.ปวดรอบๆ ข้อไหล่ อาจจะมีจุดกดเจ็บตรงกระดูกข้อไหล่ บางรายอาจปวดร้าวลงไปตามแนวแขนจนถึงข้อศอก หรือปวดร้าวขึ้นต้นคอ อาการอาจพบหลังจากไปใช้งานหนัก ใช้งานผิดท่าทาง หรือหลังจากมีอุบัติเหตุกระแทกบริเวณหัวไหล่ หรือต้นแขน
2.ปวดไหล่ตอนกลางคืน ตอนรุ่งเช้า หรืออากาศเย็น (หากมีอาการนี้ควรไปตรวจเอกซเรย์ข้อไหล่เพิ่มเติม เนื่องจากต้องวินิจฉัยแยกโรคจากกลุ่มอาการหินปูนเกาะที่ผิวข้อไหล่ โรคเนื้องอกกระดูก หรือโรคติดเชื้อในเนื้อกระดูก)
3.ผู้ป่วยบางรายอาจตรวจพบอาการบวมแดง ร้อน มีไข้ (หากมีอาการดังกล่าวนี้ต้องทำการวินิจฉัยแยกโรคจากภาวะข้อไหล่ติดเชื้อ)
4.อาการอาจจะค่อยๆ สะสม และมีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ข้อไหล่สามารถเคลื่อนไหว ยกแขนได้น้อยลง ใช้ชีวิตประจำวันได้ลำบากมากขึ้น เช่น เอื้อมไปถูสบู่บริเวณหลังไม่ได้ หยิบของจากชั้นวางของเหนือศีรษะไม่ได้ ติดตะขอเสื้อชั้นใน หรือรูดซิปกระโปรงด้านหลังไม่ได้ นอนตะแคงทับไหล่ข้างนั้นๆ ไม่ได้ เป็นต้น
เมื่ออาการปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ผู้ป่วยไม่อยากขยับ ไม่เคลื่อนไหว ก่อให้เกิดคือ ภาวะไหล่ติด (Frozen Shoulder) ซึ่งจะยิ่งทำให้พิสัยการเคลื่อนไหวของข้อไหล่น้อยลงมากกว่าเดิม และการรักษาใช้เวลายาวนานมากขึ้น ภาวะนี้อาจใช้เวลาในการรักษา และฟื้นฟูการเคลื่อนไหวของข้อไหล่ตั้งแต่ 3 เดือนถึง 1 ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และสาเหตุของโรค
การวินิจฉัยแยกโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดไหล่
- ข้อไหล่อักเสบ เส้นเอ็นหัวไหล่อักเสบ
- เส้นเอ็นหัวไหล่ฉีกขาด
- ข้อไหล่เสื่อม
- โรคเนื้องอกในกระดูกข้อไหล่
- โรคติดเชื้อภายในกระดูกข้อไหล่
- โรคหมอนรองกระดูกคอทับเส้นประสาท (โรคนี้จะปวดจากต้นคอร้าวลงมาไหล่ และอาจปวดร้าวต่อไปถึงปลายมือ)
- โรคเนื้องอกในช่องปอดส่วนบน (Pancoast tumour)
วิธีการรักษาแบ่งตามระยะอาการเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ดังต่อไปนี้
1.กลุ่มผู้ป่วยที่อยู่ในระยะเฉียบพลัน (Acute Phase) ผู้ป่วยมักจะมีอาการปวดอย่างรุนแรง ในกรณีนี้ต้องลดการใช้งานทุกชนิด อาจใช้ผ้าคล้องแขนช่วยประคองแขน ใช้การประคบเย็นเพื่อลดการอักเสบ ทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล หรือยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ซึ่งโดยปกติการรักษาผู้ป่วยที่มาในระยะเฉียบพลันนี้ใช้เวลา 1-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ หากอาการปวดทุเลาลง แนะนำให้ผู้ป่วยพยายามเคลื่อนไหวข้อไหล่อย่างนุ่มนวล เพื่อลดโอกาสการเกิดภาวะข้อไหล่ติด
2.กลุ่มผู้ป่วยที่เข้าสู่ระยะเรื้อรัง (Chronic Phase) และข้อไหล่ติด (Frozen Shoulder) อาการของผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีอาการปวดลดลง แต่จะไม่สามารถเคลื่อนไหวข้อไหล่ได้ตามปกติ และจะปวดมากหากฝืนใช้งาน การรักษาหลักๆ ตอนนี้คือการทำกายภาพบำบัด พยายามบริหารเคลื่อนไหวข้อไหล่ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และควรมีช่วงพักเพื่อลดภาวะการอักเสบที่เกิดจากการทำกายภาพเป็นระยะๆ ซึ่งช่วงเวลานี้จะใช้เวลานานหลายเดือน หรืออาจเป็นปี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการผู้ป่วยเป็นสำคัญ
3.การฉีดยาเข้าข้อไหล่ โดยยาที่ใช้ฉีดมี 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่
- ฉีดยาแก้อักเสบกลุ่มสเตียรอยด์เฉพาะจุดเพื่อลดอาการอักเสบ ส่วนใหญ่ใช้ในระยะข้อไหล่อักเสบเฉียบพลัน
- ฉีดน้ำไขข้อเทียมเพื่อเพิ่มความหล่อลื่นในข้อไหล่ ลดแรงกระแทกภายในข้อ และอาจช่วยเพิ่มพิสัยการเคลื่อนไหวของข้อ ร่วมกับการทำกายภาพบำบัด
4.การผ่าตัด ถือเป็นวิธีสุดท้ายในการรักษา โดยมีวิธีการผ่าตัดหลากหลาย ขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค เช่น การผ่าตัดส่องกล้อง ล้างข้อไหล่ ร่วมกับการเย็บซ่อมแซมเส้นเอ็นภายในไหล่ที่ฉีกขาด การผ่าตัดเปลี่ยนข้อไหล่เทียม ในกรณีข้อไหล่เสื่อมอย่างรุนแรง
กล่าวโดยสรุปคือ “ภาวะปวดไหล่” ควรรับการรักษาโดยแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะไหล่ติด ที่จะส่งผลร้ายต่อการรักษาได้ในอนาคต