xs
xsm
sm
md
lg

19 ปีไฟใต้ไม่ต่างจาก 8 ปีลุงตู่ กับสโลแกนใหม่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า “ทำแล้ว ทำอยู่ และขอทำต่อไป”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้ โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก

สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงรุนแรงแบบไม่มีปัจจัยอะไรบอกได้ว่า “ไฟใต้” จะสงบลงได้อย่างที่ “หัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุข” รวมถึง “ผู้นำกองทัพ” และ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ให้ข้อมูลกับสื่อว่าความรุนแรงลดเพดานลงต่อเนื่อง โดยย้ำบ่อยๆ ว่าการก่อเหตุลดเหลือปีละกว่า 100 ครั้งเท่านั้น

ในความเป็นจริงกลับตรงข้าม อย่างปลายกุมภาพันธ์ 2566 สภ.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ต้องสูญเสียนายตำรวจสัญญาบัตร “สว.สส.” จากการซุ่มโจมตีด้วยระเบิด ขณะนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเหตุฆ่ากันตายตามแผนที่ถูกวางล่อเป็นกับดักไว้

ต่อมา ต้นมีนาคม 2566 ได้สูญเสียนายทหารสัญญาบัตรยศ “พันตรี” ตามมาอีก จากการระเบิดเป้าหมายที่ขบวนรถ พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 และรอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ขณะนำคณะไปติดตามเหตุกองกำลังบีอาร์เอ็นได้ซุ่มโจมตีฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส

ก่อนหน้านั้น ได้สูญเสียนายตำรวจยศ “ร.ต.อ.” รอง สวป.จากคาร์บอมบ์ที่แฟลตตำรวจ และสูญเสียนายทหารยศ “ร.อ.” จากการซุ่มโจมตีมาแล้วด้วย สรุปง่ายๆ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 จนถึงปัจจุบันเราได้สูญเสียนายตำรวจ และนายทหารชั้นสัญญาบัตรไปแล้ว 4-5 นาย นี่ยังไม่นัดชั้นประทวนอีกจำนวนหนึ่ง

เคสล่าสุดที่เป้าหมายอยู่ที่ พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ บีอาร์เอ็นใช้ระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักถึง 50 กิโลกรัมฝังไว้ข้างถนน ถือเป็นการก่อวินาศกรรมขนาดใหญ่ที่หวังผลอย่างมากด้วย แถมเมื่อเทียบกับครั้งก่อนๆ ถือเป็นยุทธวิธีแบบเดิมๆ คือเป็นการ “วางกับดักล่อ” ที่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ยังหาทางแก้เกมนี้ไม่ได้

จุดอ่อนของทั้งตำรวจ และทหารอยู่ตรงไหน เป็นเรื่อง “ประมาท” หรือ “ประเมิน” ฝ่ายบีอาร์เอ็นต่ำเกินไป ไม่วางแผน รปภ.เส้นทาง ปล่อยให้แนวร่วมเคลื่อนไหวได้เสรี หลังก่อเหตุยังหลบหนีได้ลอยนวลเหมือนจะบอกว่า “จุดตรวจ-จุดสกัด” มีไว้เพื่อให้เกะกะการสัญจร หรือเพื่อสร้างเงื่อนไขบางอย่างเท่านั้น

นอกจากงานการป้องกันที่ไร้ประสิทธิภาพแล้ว “งานการข่าว” ในพื้นที่ก็ดูเหมือน “มืดบอด” จึงไม่สามารถรับรู้ความเคลื่อนไหวแนวร่วม ขณะที่บีอาร์เอ็นกลับสามารถเกาะติดได้ทั้งตำรวจ ทหาร และกองกำลังท้องถิ่น รูัวัน ว. เวลา น. ได้อย่างละเอียดจนสามารถก่อเหตุร้ายได้อย่างแม่นยำ

บีอาร์เอ็นมีแผนก่อการร้าย มีฝ่ายสนับสนุนอย่างเป็นขั้นตอน และหลังก่อเหตุมีการถอนตัวอย่างเป็นระบบ อย่างในแนวชายแดนที่ จ.นราธิวาส มี “หมู่บ้านจัดตั้ง” ที่ใช้เป็นฐานฝึก หลบซ่อน ผลิตอุปกรณ์และระเบิดต่างๆ หรือมีจะว่ามีทุกอย่างพร้อมสรรพก็น่าจะได้

ในกองกำลังติดอาวุธของบีอาร์เอ็นมีการจัดตั้งเป็นหมวดหมู่ ตั้งแต่ ผบ.หมู่ ผบ.ร้อย และ ผบ.กองกำลังที่พร้อมปฏิบัติการต่อเป้าหมาย ในขณะที่กองกำลังทหาร และตำรวจที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กลับ “เข้าไม่ถึง” จึงกลายเป็น “บาบี” ให้ฝ่ายบีอาร์เอ็นทำการเชือดได้โดยสะดวก

เมื่อเจ้าหน้าที่ขาดประสิทธิภาพ ประกอบกับงานการข่าวโหล่ยโถ้ย กุมสภาพพื้นที่ไม่ได้ จึงเกิดความสูญเสียซ้ำซาก สุดท้ายในอนาคตอาจไม่มีระดับ “นายพัน” และ “นายพล” ยอมเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ หรือลุยเยี่ยมปลอบขวัญผู้ใต้บังคับบัญชาในพื้นที่ก็เป็นได้

มีคำถามเสียงดังฟังชัดต่อเนื่องมาหลายสิบปีว่า “งบการข่าว” ของทั้ง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และหน่วยอื่นๆ ที่แต่ละปีมีตัวเลขมากมายมหาศาลนั้น แต่ทำไม “งานการข่าว” จึงยังล้มเหลวแบบแทบจะสิ้นเชิงปรากฏให้เห็นต่ออย่างต่อเนื่องยาวนาน

ที่ต้องนับว่าน่าอัศจรรย์คือ ทั้ง “กองทัพ” และ “กอ.รมน.” ไม่มีหน่วยไหนที่คิดจะปิดจุดอ่อนตรงนี้แต่อย่างใด หรือต้องรอให้มี “นายพลจากส่วนกลาง” สังเวยชีพให้ไฟใต้เสียก่อน เรื่องนี้จึงจะมีการนำไปสู่การถกเถียงหาทางแก้ไขกันอย่างจริงจัง

เชื่อไหม กอ.รมน.มีกำลังพลที่เหนือกว่าหลายร้อยเท่า แถมเพิ่งสั่งซื้อ “รถหุ้มเกราะรุ่นใหม่คันละ 35 ล้านบาท” มาใช้ แต่ต้องพ่ายแพ้ให้ “ระเบิดโลว์เทค” ที่ถูกฝังไว้ตามถนนแล้วต่อสายไฟลากไปจุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ข้างทาง คิดถึงเรื่องนี้แล้วแสนจะหดหู่ยิ่งนัก

อีกทั้งวันนี้แนวร่วมกลุ่มเล็กๆ ที่เคยตระเวน “ปาไปป์บอมบ์” ใส่จุดตรวจ ชคต.และฐานทหารพราน เดี๋ยวนี้แค่ปรับรูปแบบใหม่เป็น “บอลบอมบ์” เพื่อให้ง่ายในการพกพาและขว้างใส่เป้าหมาย ปฏิบัติการของแนวร่วมในลักษณะนี้ยังจัดว่าได้ผลอย่างเป็นที่ประจักษ์

แทนที่จะมีลาดตระเวนรอบๆ ฐานปฏิบัติการให้รัดกุม และเน้นเรื่องการข่าวให้มีประสิทธิภาพอย่างเป็นระบบ กลายเป็นว่าต้อง “พึ่งสแลน” ที่ขึงไว้รอบฐานที่ตั้งเพื่อดักไปป์ปอมบ์ หรือไม่ก็บอลบอมบ์ อย่างนี้มันน่าอนาถใจมากมายเพียงไหน

แถมกลับยังปล่อยให้บางหน่วย “ก่อไฟกองใหม่” อย่างที่เป็นข่าวใหญ่นิมนต์พระสงฆ์ไปสอนในโรงเรียนตาดีกาที่บ้านกูดู ม.3 ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ไม่รู้คิดหรือหวังผลอะไรกัน เพราะนี่ไม่ใช่ “พหุวัฒนธรรม” และเป็นการกระทำแบบไม่เข้าใจคำว่า “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” อย่างแน่นอน

ไม่เพียงเท่านั้น ยังรู้ไม่เท่าทันด้วยการตั้ง “คณะทำงานติดตามตรวจสอบการบิดเบือนประวัติศาสตร์” แทนที่จะตรวจสอบองค์กรที่เป็นปีกทางการเมืองบีอาร์เอ็นได้อย่างเป็นผล กลับทำให้เกิดกระแสจนกลายเป็นเงื่อนไขให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปขยายผลด้านลบโดยไม่ตอบโต้ หรือชี้แจงให้คนในพื้นที่ได้เข้าใจแต่อย่างใด

ถ้าหน่วยงานความมั่นคงยัง “เดินเป็นวงกลม” แบบหาทางออกไม่เจอ แต่คิดอยู่อย่างเดียวคือ “ขอตั้งงบประมาณ” เยอะๆ เพื่อซื้ออาวุธทันสมัย แต่สุดท้ายกลายเป็นเหยื่อให้ “สงครามบ้านๆ” ที่ใช้อาวุธโลว์เทคอย่างที่เห็นและเป็นอยู่มาต่อเนื่องยาวนาน สังคมมีแต่ต้องช่วยกันผลักดันในเกิดเปลี่ยนแปลงเท่านั้น

ทั้งหมดคือหลักคิดทางการทหารที่ประกาศชัดว่า “ทำแล้ว ทำอยู่ และขอทำต่อไป” ซึ่งกว่า 8 ปีของ “ลุงตู่” จึงไม่แผกแตกต่างจากกว่า 19 ปี “ไฟใต้”

การที่ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” พร่ำบอกกับสังคมไทย โดยเฉพาะย้ำคิดย้ำทำเพื่อฝังหัวคนในพื้นที่ว่า “ไฟใต้ลดความรุนแรงลงแล้ว” รวมถึง “เราเดินมาถูกทางแล้ว” ซึ่งเวลานี้มีสโลแกนใหม่ที่ว่า “ทำแล้ว ทำอยู่ และขอทำต่อไป” แบบไม่มีจุดจบ คนไทยต้องช่วยกันตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น