ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่ศุลกากรภาคที่ 4 จับกุมเนื้อสุกรแช่แข็งเถื่อน จำนวน 30,000 กก. หรือ 30 ตัน มูลค่ารวม 6 ล้านบาท ขณะลักลอบขนเข้ามากับตู้คอนเทนเนอร์ทางด่านพรมแดนสะเดา เร่งขยายผลที่มาและปลายทาง
หลังจากที่ นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร ได้มีข้อสั่งการให้ นายยุทธนา พลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการศุลกากรภาคที่ 4 ดำเนินการปราบปรามจับกุมสินค้าลักลอบหนีศุลกากรและสินค้าที่เป็นภัยต่อสังคมอย่างเข้มงวด โดย นายธนเสฎฐ์ พรพิชัยดำรงค์ ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร ศภ.4 ได้มอบหมายให้ นายเริงพจน์ อารีย์กุล หัวหน้าฝ่ายสืบสวนและปราบปราม สคศ. ศภ.4 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม เข้มงวดในการปราบปรามสิ่งของผิดกฎหมายและการลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรที่เป็นภัยต่อประชาชนอย่างเคร่งครัด
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ศุลกากรภาคที่ 4 ได้จับกุมเนื้อสุกรแช่แข็ง จำนวน 30,000 กิโลกรัม หรือ 30 ตัน รวมมูลค่า 6 ล้านบาท ซึ่งลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศและเป็นล็อตใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับกุมมา โดยวันนี้ นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ได้แถลงข่าวการจับกุมเนื้อสุกรแช่แข็ง 30,000 กิโลกรัม หรือ 30 ตัน ซึ่งลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนและปราบปรามสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ร่วมกับด่านศุลกากรสะเดา หน่วยสืบสวนปราบปรามสงขลา และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 5 ร่วมกันจับกุมได้เมื่อวานนี้ (22 ก.พ.) ขณะลักลอบขนมากับรถบรรทุกหัวลากผ่านทางด่านพรมแดนสะเดา บรรจุไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิภายในตู้ได้ และขนถ่ายต่อให้รถบรรทุกอีกคันบริเวณลานขนถ่ายสินค้า พื้นที่หมู่ 2 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา
จากการตรวจสอบพบว่าเป็นเนื้อสุกรแช่แข็งที่มีถิ่นกำเนิดประเทศบราชิล และไม่พบเอกสารเกี่ยวกับการผ่านพิธีการศุลกากร เอกสารใบอนุญาตนำเข้าหรือเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติพิธีการศุลกากร
นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาที่ไปของเนื้อสุกรแช่แข็งที่ยึดได้ โดยได้ควบคุมตัวคนขับรถและขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำเข้าและปลายทางที่จะนำไปส่ง และเป็นการจับเนื้อสุกรแช่แข็งล็อตใหญ่ครั้งแรกที่ลักลอบนำเข้ามาทางด่านพรมแดนสะเดา โดยที่ผ่านมามักจะใช้วิธีซุกซ่อนมากับสินค้าอื่นๆ ซึ่งมีการจับกุมได้หลายครั้ง ส่วนเนื้อสุกรแช่แข็งจะส่งต่อให้กรมปศุสัตว์เพื่อนำไปทำลายต่อไป
