พัทลุง - หนุ่มแสบแฝงตัวขออยู่อาศัยบ้านเพื่อนร่วมปี ทำให้ทุกคนในบ้านเชื่อใจ ก่อนฉกเงินและทรัพย์สินมีค่ากว่า 5 ล้านบาทหลบหนีไป พบประวัติเคยติดคุกเพราะคดีเกี่ยวกับลักทรัพย์ ฉ้อโกง หลอกลวงมามากกว่า 7 คดี
วันนี้ (22 ก.พ.) นายไตรรัตน์ หลิวศิริอนันต์ หรือเบิร์ด อายุ 39 ปี อยู่ในพื้นที่หมู่ 2 ต.เขาเจียก อ.เมือง จ.พัทลุง เข้าร้องสื่อขอความช่วยเหลือหลังเข้าแจ้งความหวั่นคดีไม่คืบ กรณีที่ นายศุภนรินทร์ สุบินชมพู หรือวิน อายุ 30 ปี เพื่อนชาย ชาว จ.เชียงราย ที่เคยเข้ามาขออาศัยอยู่ที่บ้านนานเกือบปี แต่สุดท้ายกลับขโมยเงิน และทรัพย์สินมีค่าภายในบ้านไปมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท และหลบหนีลอยนวล
นายไตรรัตน์ กล่าวว่า ตนรู้จักกับ นายศุภนรินทร์ หรือวิน ขณะที่ทำงานอยู่ที่ กทม.เมื่อหลายปีก่อน และช่วงหลังได้ขาดการติดต่อกัน จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2565 มาเจอกันอีกครั้ง โดยขณะนั้น นายวิน บอกว่า เพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำในคดีพยายามฆ่าพ่อเลี้ยง และไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน จึงขอมาอาศัยอยู่ด้วย ตนสงสาร และคิดว่าเป็นการให้โอกาสเพื่อน เพราะเชื่อว่าสาเหตุที่เขาติดคุกในข้อหาพยายามฆ่า คงพลาดพลั้งด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
ตนจึงได้พากลับมาอยู่ด้วยที่บ้านในจังหวัดพัทลุง ส่วนเขาก็ไปๆ มาๆ ระหว่าง กทม. กับพัทลุง โดยหวังจะให้นายวิน มาคอยดูแลผู้เป็นแม่ ซึ่งป่วยเป็นอัมพฤกษ์เนื่องจากเส้นเลือดตีบ รวมทั้งได้มาช่วยดูแลธุรกิจร้านประดับยนต์ เป็นกิจการของตระกูลของผู้เป็นแม่
นายไตรรัตน์ บอกด้วยว่า ในช่วงที่เขามาอาศัยที่บ้านในจังหวัดพัทลุง เขาดูแลปรนนิบัติผู้เป็นแม่วัย 70 ปี ซึ่งป่วยทุกอย่างเป็นอย่างดี รวมทั้งคอยช่วยเหลืองานทุกอย่าง จนเป็นที่รักและไว้วางใจของทั้งผู้เป็นแม่ที่ป่วย และญาติๆ ทุกคน จนกระทั่งเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2565 สังเกตเห็นพฤติกรรมที่แปลกไป ก็เฝ้าสังเกตมาตลอด มีทะเลาะกันบ้างแต่ผู้เป็นแม่เข้าข้างเพราะแม่รักเพื่อนของเขามาก
และวันที่ทะเลาะกันหนักคือวันที่ 8 ก.พ.66 หลังที่เขาพบว่าเงินในบัญชีของตน จำนวน 5.4 แสนบาท ถูกถ่ายโอนออกไป พอตรวจสอบบัญชีปรากฏว่า เงินไปอยู่ในบัญชีของ นายวิน โดยนายวิน วางแผนลอบมอมยาตนในเครื่องดื่มคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 จนรู้สึกสะลึมสะลือ ช่วงนั้นจำได้ว่า นายวิน บอกให้เขาโอนเงินให้ 300 บาท เขาจึงใช้แอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์โอนให้ เชื่อว่า นายวิน อาจจะแอบดูรหัสในช่วงนั้น หลังจากนั้นตนหลับไม่รู้สึกตัว
โดยตนมารู้สึกตัวอีกทีในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 จึงไปหาหมอที่ รพ.พัทลุง หมอให้ยาแก้วิงเวียนมาจึงดีขึ้น พอวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ต้องเดินทางไป กทม. พอไปถึงสนามบินตรัง ได้เปิดแอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์เพื่อจะใช้เงิน ปรากฏว่าเงินหาย จึงตรวจสอบบัญชี พบว่า เงินไปอยู่ในบัญชีของนายวิน จึงเกิดทะเลาะกันขึ้น บอกให้ นายวิน ออกจากบ้าน แต่ผู้เป็นแม่ที่ป่วยขอไว้ เพราะแม่เขารักนายวินมาก เนื่องจากนายวิน ปรนนิบัติดูแลแม่เป็นอย่างดี ตลอดระยะเวลาที่เข้ามาอยู่
จนกระทั่งในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 นายวิน ได้ออกไปจากบ้านและหายไป ตนจึงเอะใจตรวจสอบดูทรัพย์สินภายในบ้าน พบตู้เก็บข้าวของโดนงัด ตู้เซฟถูกเปิด ทั้งเงินสดและของมีค่าหายไป โดยเฉพาะสมบัติของแม่ที่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ และเครื่องทองเครื่องเพชรในวันแต่งงานของแม่หายไป นับรวมมูลค่าทรัพย์สินที่หายไปกว่า 5 ล้านบาท
นายไตรรัตน์ บอกอีกว่า เขาเสียใจที่เก็บรักษาของที่มีคุณค่าทางจิตใจของแม่ไว้ไม่ได้ ซึ่งผู้เป็นแม่เสียใจร้องไห้ตลอดเวลา ช้ำใจหนักเพราะความเชื่อใจ เมื่อตรวจสอบประวัติของวิน พบว่า เขาไม่ได้ติดคุกเพราะคดีพยายามฆ่าพ่อเลี้ยง แต่ติดคุกเพราะคดีเกี่ยวกับลักทรัพย์ ฉ้อโกง หลอกลวง มามากกว่า 7 คดี และเขาเชื่อว่า นายวิน คงมีการวางแผนไว้ล่วงหน้า ทำทีเป็นมาขออาศัยอยู่ด้วย และมาทำให้ทุกคนในบ้านรักจนเกิดความเชื่อใจ ก่อนกวาดเงินทองและทรัพย์สินไปเกลี้ยง
ล่าสุด ตนได้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีต่อ นายวิน ไว้ที่ สภ.เมืองพัทลุง แต่หวั่นเกรงคดีจะไม่คืบหน้า ตนต้องการให้เจ้าหน้าที่ใส่ใจในการติดตามตัว นายวิน มาเพื่อดำเนินคดี และขยายผลสืบหาของมีค่าของผู้เป็นแม่กลับคืนมาให้ เพราะตอนนี้ท่านร้องไห้ทุกวันเพราะความเจ็บช้ำน้ำใจ