โดย.. ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
ปรากฏการณ์ “แลนด์สไลด์” เสาไฟฟ้าล้มระเนระนาดไปทั่วภาคใต้ในการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อปี 2562 ที่ทำให้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ แชมป์เก่าในภูมิภาคนี้สอบตกกันไปรายหลายนั้น นอกจากจำนวน ส.ส.รวมของพรรคที่ลดลงอย่างน่าใจหายแล้ว ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคประชาธิปัตย์
“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยหลังจากนั้น ที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2562 ได้ลงมติเลือก “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนที่ 8 แทน โดยขณะนั้น มี “นิพนธ์ บุญญามณี” เป็นรองหัวหน้าพรรค และ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีต ส.ส.พัทลุง 7 สมัย ที่เคยมีแฟนคลับตะโกนหน้าเวทีปราศรัยว่า "แม้ประชาธิปัตย์ส่งเสาไฟฟ้า เราก็จะเลือก" ก็สอบตกเช่นกัน เป็นรองหัวหน้าพรรคพื้นที่ภาคใต้
กระทั่ง “นิพิฏฐ์” โบกมือลาจากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผลให้ “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ได้ขึ้นมาทำหน้าที่แทน
ในการเลือกตั้ง 2566 ที่จะมาถึงนี้ พรรคประชาธิปัตย์หมายมั่นปั้นมือจะทวงความยิ่งใหญ่กลับมาอีกครั้ง โดยตั้งให้ “นิพนธ์ บุญญามณี” เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง ดูแลภาพรวมในการเลือกตั้งทั้งประเทศ และโฟกัสลงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกตำแหน่ง โดยมี “นายกชาย” เป็นขุนพลร่วมรบ
พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ดูแลนั้น ไม่เพียงแต่ปัตตานี ยะลา นราธิวาสเท่านั้น แต่รวมหมายถึงสงขลาและสตูลด้วย โดยใน จ.สตูล ซึ่งแต่เดิมพรรคประชาธิปัตย์เคยได้ ส.ส.แบบยกจังหวัดมาตั้งแต่ปี 2535 ก่อนเสียให้พรรคชาติไทยพัฒนา 1 ที่นั่งเมื่อปี 2554 และหมดยกจังหวัดให้พรรคภูมิใจไทยทั้ง 2 เขตในการเลือกตั้งปี 2562
ทำให้การเลือกตั้งในปีนี้ที่ใกล้มาถึง ในพื้นที่ จ.สตูล จะเป็นการชิงชัยกันระหว่างพรรคภูมิใจไทย แชมป์เก่า กับพรรคประชาธิปัตย์ อดีตเจ้าของพื้นที่แต่เดิม โดยในส่วนของพรรคภูมิใจไทยได้ประกาศส่งคนเดิมลงรักษาเก้าอี้ ซึ่งจะเป็นอีกสนามเลือกตั้งที่น่าจับตามอง แม้จะมีเพียงแค่ 2 เขตเลือกตั้งเท่านั้น
เริ่มจาก เขต 1 เจ้าของพื้นที่เดิมคือ “พิบูลย์ รัชกิจประการ” จากพรรคภูมิใจไทย อดีตนายกเทศมนตรีเมืองสตูลหลายสมัย เรียกได้เต็มปากว่า คนนี้คือสายแข็ง เพราะเป็นน้องชายของ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สามีของ “เจ๊เปี๊ยะ” นาที รัชกิจประการ กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย
เลือกตั้งครั้งก่อน “พิบูลย์” ได้ 31,100 คะแนน ทิ้งห่างผู้สมัครอันดับที่ 2 จากพรรรคประชาธิปัตย์คือ “อิบรอเหม อาดำ” อดีต ส.ว.สตูล ที่ได้ 11,406 คะแนน และอันดับที่ 3 “รอสี ใบกาเด็ม” อดีตรองนายก อบจ.สตูล ผู้สมัครจากพรรคประชาชาติที่ได้ 9,273 คะแนน
การเลือกตั้งรอบนี้ พรรคประชาธิปัตย์ประกาศส่ง “ซอบรี หมัดหมัน” ปลัดอำเภอเมืองสตูล ที่ดำรงตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2555 บุตรชายอดีตรองประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสตูล เจ้าของโรงเรียนดารุลอูลูม อ.ควนโดน จ.สตูล และมี “สุริยา ปันจอร์” อดีต ส.ว.สตูล เป็นญาติมาช่วยหาเสียง
ส่วนพรรคอื่นๆ นั้น พรรคประชาชาติส่ง “รอมสรี กะด๊ะ” ผู้ได้รับใบอนุญาตโรงเรียนแสงธรรม จ.สตูล พรรคพลังประชารัฐ ส่ง พ.ต.ท.สุริยา บาราสัน อดีตผู้สมัคร ส.ส.สตูล เขต 1 เมื่อปี 2562 ได้อันดับ 4 ด้วยคะแนน 8,345 คะแนน และพรรคก้าวไกลส่ง “ธนาคม พจนาพิทักษ์” นักวิชาการด้านการสื่อสาร ผู้เชี่ยวชาญและวิทยากรด้านการวางแผนกลยุทธ์ประชาสัมพันธ์ CSR ชุมชนสัมพันธ์ มวลชนสัมพันธ์ ประสบการณ์กว่า 30 ปี อดีตผู้สื่อข่าว นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ผู้จัดการ บรรณาธิการนิตยสารชีวจิต
และ เขต 2 แชมป์เก่าคือ “โกแพ” วรศิษฏ์ เลียงประสิทธิ์ บุตรชาย “สมเกียรติ เลียงประสิทธิ์” นักธุรกิจใหญ่ จ.สตูล เจ้าของค่ายมวยเกียรติเจริญชัย เพื่อนของ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ”
เลือกตั้งครั้งก่อนกวาดไปถล่มทลาย 49,000 คะแนน ทิ้งอันดับที่ 2 “ฮอชาลี ม่าเหร็ม” อดีต ส.ส.สตูล หลายสมัย จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้เพียง 14,000 คะแนน ส่วนอันดับที่ 3 “ฟารูก พีรูสอะลี” ผู้สมัครจากพรรคเพื่อชาติ ได้ 10,000 คะแนน
เขต 1 เรียกได้ว่าเป็นสายแข็ง เพราะเป็นน้องรัฐมนตรีแล้ว เขต 2 น่าจะแน่นยิ่งกว่า!
ในเขตนี้ พรรคประชาธิปัตย์ส่ง “กำนันเกตุชาติ เกษา” ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประธานรัฐสภา “ชวน หลีกภัย” และเป็นอดีตผู้สมัครนายก อบจ.สตูล ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2563 ลงชิงเก้าอี้ โดยในการเลือกตั้งนายก อบจ.สตูลครั้งนั้น “กำนันเกตุชาติ” พ่ายแพ้ “โกเตี๊ยน” สัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ อดีตนายก อบจ.สตูล ลุงของ “โกแพ” ไปชนิดไม่เห็นฝุ่น โดย “โกเตี๊ยน” ได้ 104,518 คะแนน ส่วน “กำนันเกตุชาติ” ได้ 31,044 คะแนน
ส่วนพรรคการเมืองอื่นนั้น พรรคพลังประชารัฐส่ง “บังแซม” ทินกร ทองใสเกลี้ยง อดีตประธานสโมสรสตูล ยูไนเต็ด ที่ประกาศลาออกจากสโมสรเพื่อมาทำงานการเมืองตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 พรรคประชาชาติส่ง “ไพศาล หลีเส็น” รองประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.สตูล อดีตผู้ตรวจการ กกต.สตูล และเป็นพี่ชายของ “เอกรัฐ หลีเส็น” ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลและอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส โดย “ไพศาล” เคยลงสมัคร ส.ส.สตูล เมื่อปี 2562 ในนามพรรคไทยรักษาชาติ ก่อนที่พรรคจะถูกยุบในเวลาต่อมา
ด้วยความแข็งแกร่งของฐานเสียงและสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ทำให้มีคำพูดเปรียบเปรยไว้ว่า “สตูลคือเมืองหลวงในภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทย”
ตลอดเวลาที่พรรคภูมิใจไทยครองตำแหน่ง ส.ส.สตูล ได้มีโครงการจากทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคมลงไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคือ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คือ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย
ทั้งโครงการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โครงการการสร้างและปรับปรุงถนน ขยายถนนเส้นอ้อมเมืองที่จะไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของ จ.สตูล โครงการนำร่องถนนยางพาราก็เริ่มที่นี่ วันนี้ใครไปสตูลจะเห็นป้ายขอบคุณรัฐมนตรีทั้งสองในหลายเส้นทาง
เมื่อมองสนามเลือกตั้งใน จ.สตูลวันนี้ พรรคการเมืองอื่นๆ คงต้องทำการบ้านอย่างหนักหากคิดจะโค่นแชมป์เก่าอย่าง “ภูมิใจไทย” ลง การจะชูประเด็นเรื่อง “กัญชาเสรี” มาโจมตีพรรคภูมิใจไทยในพื้นที่ จ.สตูล ที่มีชาวไทยมุสลิมอยู่ถึงร้อยละ 76.77 อาจจะยังไม่เพียงพอ
แม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็น “หัวหอก” หักเรื่องกัญชากับพรรคภูมิใจไทยในสภาผู้แทนฯ หรือแม้แต่พรรคประชาชาติที่แม้ประกาศหนุนพหุวัฒนธรรม แต่ในทางปฏิบัติก็ยังเป็นพรรคมุสลิม เมื่อครั้งเปิดตัว 2 ว่าที่ผู้สมัคร “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” ได้ประกาศว่า พรรคประชาชาติเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สตูลทั้ง 2 เขต หลังจากได้รับการคัดเลือกจาก “สภาซูรอ” (สภาของผู้ทรงคุณวุฒิตามหลักอิสลาม) จะนำเรื่องกัญชาไปหาเสียง แต่เมื่อตรวจแถวฐานคะแนนแล้ว ต้องบอกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ ต้องเร่งเครื่องให้มากกว่านี้
ขณะนี้มีข่าวแว่วว่า แชมป์เก่าเริ่มกวาดบรรดาหัวคะแนนเข้ามุ้งกันแล้ว ส.ส.สตูล พรรคภูมิใจไทยไปไหนก็มีบรรดา “นายกเล็ก” ทั้งระดับ อบต. ระดับเทศบาล เดินตามกันตลอด ในฐานะเมืองหลวงของพรรคในภาคใต้ พรรคภูมิใจไทยไม่ประมาท ได้รวบรวมบรรดาหัวคะแนนทั้งในสังกัดและกวาดต้อนนอกสังกัดไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว
แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ปรับทัพใหม่ ยังพอมีเวลาที่จะส่ง “กระสุน” เพื่อหนุน “กระแส” ได้ สนามเลือกตั้ง “สตูล” จึงยังต้องจับตาต่อไป..