ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กรมการท่องเที่ยวสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว 6 เดือน กรณีบริษัททัวร์ทิ้งและทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวจีน พร้อมแจ้งความข้อหากระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว ย้ำให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวปฏิบัติตามกฎหมาย
จากกรณีที่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และซื้อแพกเกจทัวร์แบบวันเดียวเที่ยวเกาะสิมิลัน ในราคา 9,000 บาท ซึ่งได้จ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าไปแล้ว 5,000 บาท บริษัททัวร์กลับไม่มารับตามนัดหมาย ทำให้นักท่องเที่ยวไม่พอใจและขอเงินคืน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงเกิดการทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยว
นายจาตุรนต์ ภักดีวานิช รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ในฐานะนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง เปิดเผยว่า มอบหมายให้นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 2 จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริงโดยด่วน พบว่าการกระทำของพนักงานธุรกิจนำเที่ยวรายนี้เป็นการใช้ความรุนแรง ขาดมนุษยธรรม นำมาซึ่งความเสื่อมเสียอย่างร้ายแรงต่อศีลธรรมและวัฒนธรรมอันดีของประเทศไทย มีความผิดตามกฎหมายอาญา และถือเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ว่าด้วยมาตรฐานการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมาตรฐานการปฏิบัติหน้าที่ของมัคคุเทศก์และผู้นำเที่ยวที่จะพึงปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยว
นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ สาขาภาคใต้ เขต 2 จังหวัดภูเก็ต จึงออกคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวผู้ประกอบการรายดังกล่าว เป็นเวลา 6 เดือน ตามมาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรกะรน ในข้อหาตามมาตรา 24 ประกอบกับมาตรา 82 ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่กระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว หรือนักท่องเที่ยว มีโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท
"หลังจากนี้ กรมการท่องเที่ยวจะออกหนังสือเตือนไปยังผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวทุกรายให้ปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมเน้นย้ำให้อำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวด้วยความเป็นมิตร เพื่อสร้างความประทับใจ และร่วมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย หากผู้ประกอบการรายใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ กรมการท่องเที่ยวจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นสูงสุดต่อไป" นายจาตุรนต์ กล่าวทิ้งท้าย