xs
xsm
sm
md
lg

พบเอกชนรุกที่โรงเรียน-สถานีอนามัยบนเกาะหลีเป๊ะ รวม 5 จุด “บิ๊กโจ๊ก” สั่งเปิดรั้วโรงเรียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สตูล - กรมธนารักษ์เผยพบเอกชนบุกรุกที่โรงเรียน และสถานีอนามัยบนเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล รวม 5 จุด พร้อมแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ขณะที่ “บิ๊กโจ๊ก” สั่งเร่งรัดดำเนินการเปิดรั้วโรงเรียนแก้ปัญหาให้นักเรียนโดยเร็ว

วานนี้ (30 ม.ค.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูล และข้อเท็จจริง กรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล พร้อมคณะลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะติดตามความคืบหน้า โดยคาดโทษเจ้าหน้าที่ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทุกระดับชั้น โดยเฉพาะในแนวทางการแก้ปัญหา หาพื้นที่ลำรางเส้นทางน้ำ ป้องกันปัญหาน้ำท่วมบนเกาะหลีเป๊ะให้แล้วเสร็จ โดยมุ่งเป้าในการแก้ปัญหาไปที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองสตูล และปลัดส่วนหน้าเกาะหลีเป๊ะ ที่ต้องจัดการแก้ปัญหานี้ให้ได้ หากไม่ได้ถือเป็นการละเว้น

พร้อมกันนี้ ได้แจ้งความเพิ่มจากความคืบหน้าของการลงตรวจแนวเขตของกรมธนารักษ์ รอบโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ และสถานีอนามัยเกาะหลีเป๊ะ พบว่า มีการบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวจริง จากการเทียบแผนที่เดิมเมื่อมีการสำรวจในปีพุทธศักราช 2533 พบว่ามีเอกชนบุกรุก จำนวน 5 ราย เป็นโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ จำนวน 4 ราย และสถานีอนามัยบ้านเกาะหลีเป๊ะ จำนวน 1 ราย โดยทางเขตพื้นที่ประถมศึกษาจังหวัดสตูล ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อสถานีตำรวจภูธรหลีเป๊ะแล้ว พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ฝ่ายปกครอง และปลัดอำเภอ รวมทั้งตำรวจเร่งเจรจาให้เอกชนเปิดรั้วโรงเรียนที่เคยเป็นข้อพิพาท หลังจากการพิสูจน์ของคณะทำงานยุติแล้วว่าเอกชนบุกรุกทับที่ของโรงเรียนให้เร็วที่สุด


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ทิ้งประเด็นให้ฝ่ายปกครอง โดยเฉพาะในอำเภอส่วนหน้าเกาะหลีเป๊ะ ในการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องของโรงแรมบนเกาะหลีเป๊ะที่มีมากกว่า 100 แห่ง ที่ไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งได้มอบหมายให้ไปเร่งดำเนินการ หากไม่สามารถดำเนินการได้ถือเป็นการละเว้นมาตรา 157 และต้องให้มีการรื้อถอนรีสอร์ต และโรงแรมทั้งหมด

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังบอกอีกว่า ตลอด 2 สัปดาห์ที่ลงมาติดตาม ใช้หลักแนวทางการทำความจริงให้ปรากฏว่าใครทับที่ของใคร เชื่อว่าหลังจากนี้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะดำเนินคดีต่อไป เพราะมีหมุดหมาย และสามารถที่จะดำเนินการจัดระเบียบตามกฎหมายได้ต่อไป

หลังจากนั้น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะได้ลงพื้นที่แปลงที่ 62 เพื่อปิดป้ายให้ดำเนินการรื้อถอน จากที่มีทั้งหมด 8 จุด ตามคำสั่งศาลฎีกาที่ได้มีคำพิพากษาให้จำเลยปฏิบัติ ที่คดีสิ้นสุดแล้ว ให้จำเลยและบริวารออกจากพื้นที่ ซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ รายละเอียดปรากฏตามคำพิพากษาของศาลในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ.71/2559 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.268/2560 จึงประกาศให้จำเลยและบริวารออกจากพื้นที่ ซึ่งเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ หากไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาดังกล่าว อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จะดำเนินการบังคับคดีตามกฎหมายต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น