ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ปลัดกระทรวงยุติธรรมรับช่วยเหลือชาวเลราไวย์ ทั้งเรื่องคดีและการหาที่ดินสร้างหมู่บ้านวัฒนธรรมชาวเล หลังลงพื้นที่รับกลับไปสานต่อ รวมถึงเสนอ ครม.แก้ไขปัญหาที่ดินชาวราไวย์
วันนี้ (28 ม.ค.) นายพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชาวเลราไวย์ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เข้ามาช่วยเหลือชาวเลทางคดีพิพาทเรื่องเอกสารสิทธิที่ดินกับนายทุน ทำให้ชาวเล ชนะคดี แต่คดียังไม่สิ้นสุด ส่วนคดีในศาลปกครอง ปัจจุบันศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีที่ดินที่ตั้งบาลัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวราไวย์
โดยปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า หลังจากลงพื้นที่ได้สั่งการให้กองทุนยุติธรรมไปทำงานต่อ เรื่องแรกคือ เรื่องคดีของชาวเลราไวย์ ทุกครอบครัวมีปัญหาเดียวกัน เพียงแต่ถูกฟ้องแยก ตอนนี้เรามีแนวทางการดำเนินคดีแบบกลุ่ม จะทำให้การดำเนินคดีของชาวเลมีพลังมากขึ้น และให้ดูแลการปล่อยตัวชั่วคราว การช่วยเหลือเรื่องคดีต่างๆ ให้คำปรึกษาทางกฎหมาย จัดหาทนายความที่มีความเชี่ยวชาญช่วยเหลือทางคดีที่จะดูแลชุมชนดั้งเดิม
ส่วนการจะให้พื้นที่นี้เป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมชาวเล กองทุนยุติธรรมสามารถส่งต่อให้หน่วยงานอื่นในกระทรวงที่จะไปสานต่อ แต่ถ้าดูแล้วเกินอำนาจกองทุนยุติธรรม จะส่งต่อศูนย์บริการร่วม ซึ่งจะพิจารณาต่อไปว่าถ้าจะพัฒนารักษาพื้นที่ชุมชนวัฒนธรรมดั้งเดิม ตามที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ เราสามารถตั้งเรื่องได้ กระทรวงยุติธรรมสามารถเสนอ ครม. ได้
นายพงษ์สวาท กล่าวว่า การตั้งหมู่บ้านวัฒนธรรมชาวเล โดยใช้เงินจากกองทุนยาเสพติดแต่ละกองทุนมีวัตถุประสงค์ต่างกัน เป็นกองทุนที่จัดตั้งโดยกฎหมาย กรอบวัตถุประสงค์ของแต่ละกองทุนจึงต่างกัน กองทุนยาเสพติด แม้เม็ดเงินจะเยอะแต่การใช้เงินต้องเป็นไปตามกรอบวัตถุประสงค์ แต่กระทรวงยุติธรรมมีมือไม้เยอะ จะกลับไปดูว่าจะใช้กลไกอะไรที่จะเข้ามาช่วยเหลือชาวเลราไวย์ได้
ทั้งนี้ มาตรการทางบริหารต้องเข้ามาจับ เพราะจะเห็นว่าพื้นที่ของชาวเลราไวย์ เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน เพราะฉะนั้นการบูรณาการการใช้มาตรการบริหารจะรับตรงนี้ไปดำเนินการ
ขณะที่ พ.ต.ท.ประวุธ เผยว่า พื้นที่นี้ปัญหาคือโฉนดใบนี้ ทั้งที่ชาวเลมีคำพิพากษาชนะคดี หลายคดี ตอนนี้ทางกระทรวงต้องไปหาวิธีว่าจะจัดการกับโฉนดใบนี้อย่างไร ที่ผ่านมาได้เข้ามาช่วยชาวเลราไวย์ ตั้งแต่เป็นรองอธิบดี DSI ทั้งตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอกระดูกบรรพบุรุษ การทำผังตระกูลเชื่อมโยงกับครูหมอ และทะเบียนการเข้าเรียนของเด็กนักเรียนชาวเล ที่โรงเรียนวัดสว่างอารมณ์
หรือการตรวจพิสูจน์ด้วยการนับอายุต้นมะพร้าว ซึ่งมีมาก่อนที่เจ้าของโฉนดอ้างว่าเข้ามาทำประโยชน์ในที่ดินด้วยการปลูกมะพร้าว หรือการอ่านแปรภาพถ่ายทางอากาศ และภาพเสด็จพระราชดำเนินของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาที่หมู่บ้านชาวเลราไวย์ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2502 ขณะนั้นมีบ้านเรือนชาวเล และมีต้นมะพร้าวเต็มพื้นที่ แต่เหตุผลการออกโฉนด ในปี 2508 โดยนำ ส.ค.1 มาออกเอกสารสิทธิ จึงมีเนื้อหาขัดแย้งกับภาพเสด็จพระราชดำเนิน ปี 2502
มีรายงานว่า การใช้เงินเยียวทางทางแพ่ง คือการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ขาดสิทธิในที่ดิน ที่นำไปจำนองหรือขายฝากกับนายทุน ทำให้ประชาชนสูญเสียสิทธิในที่ดินทำกินของตนเอง เช่นเดียวกันกับกรณีที่ดินของชาวเลราไวย์ ปัจจุบันมีประชากรจำนวน 250 ครอบครัว จำนวนกว่า 2,000 คนที่ต้องอาศัยในพื้นที่จำกัด ที่อยู่อาศัยไม่เพียงพอ จนต้องขยายออกไปนอนชายทะเล การเวนคืนที่ดินจากเจ้าของที่ดินที่มีข้อพิพาทกับชาวเล ยินดีจะขายให้รัฐในราคาเวนคืน ซึ่งเป็นทางออกที่ทั้งเจ้าของที่ดินและชาวเลราไวย์ ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย