ทัศนะ โดย... เมือง ไม้ขม
ต้องนับว่า "ประชาธิปัตย์" เป็นพรรคการเมืองแรกๆ ในการให้ความสำคัญกับเรื่องความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ แม้ว่าใน 8 ปีที่ผ่านมา "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ผู้นำประเทศ จะไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการดับไฟใต้เท่าที่ควร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ปัญหา โดยพยายามที่จะทำให้ปัญหาของไฟใต้ที่เป็นปัญหาระดับชาติ ให้เป็นปัญหาของท้องถิ่น
ที่ผ่านมา แม้ "ประชาธิปัตย์" จะไม่ใช่พรรคแกนนำในการเป็นรัฐบาล เหมือนกับ "พลังประชารัฐ" ที่เป็นแกนนำของรัฐบาล แต่ประชาธิปัตย์ โดย "นิพนธ์ บุญญามณี" รมช.มหาดไทยในขณะนั้น รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการเลือกตั้งในขณะนี้ และ "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีนโยบายในมิติการพัฒนา เพื่อสร้างอาชีพ-สร้างรายได้ เพื่อให้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมาโดยตลอด ทั้งผ่านทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เช่น โครงการความมั่นคงทางอาหาร เพื่อให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ผลิตอาหารในการเป็น "ครัวโลก" โดยเฉพาะในเรื่องของอาหารที่เป็น "ฮาลาล" และการส่งเริมการเลี้ยงโคเนื้อและเลี้ยงแพะแบบครบวงจร ภายใต้โครงการเมืองปศุสัตว์ เพื่อยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ระเบียงเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ รวมทั้งการพัฒนาในโครงการอื่นๆ ที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่
ล่าสุดคือเรื่องของการประสานงานกับกระทรวงการคลัง ให้ผ่อนปรนเงื่อนไขเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือ SOFT LOAN กับกลุ่มผู้ขอสินเชื่อโครงการรายใหม่ 4,128 ล้านบาท และผู้ขอสินเชื่อโครงการเก่า ขอให้มีการดำเนินการต่อไป เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้
นี่คือนโยบายในการช่วยต่อลมหายใจของผู้ประกอบการในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำ ที่เป็นความหวังของประชาชน ที่ "ประชาธิปัตย์" ทำได้จริงและทำได้ไว ตามที่ได้รับปากประชาชนไว้
ที่สำคัญ "นิพนธ์ บุญญามณี" ซึ่งเป็นนักการเมืองที่คลุกคลีกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอดของการเป็นนักการเมืองระดับชาติ เข้าใจถึงปัญหาของความมั่นคง ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยาวนาน จึงได้ชูนโยบายสันติภาพสู่สันติสุขในการเดินหน้า แก้ปัญหาความไม่สงบ และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอย่างยาวนานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างขบวนการแบ่งแยกดินแดนกับนโยบายการปกครองประเทศของรัฐไทย
19 ปีของไฟใต้ ไม่เพียงแต่สร้างความล่มจมทางเศรษฐกิจ สร้างความยากจนให้คนในพื้นที่ คร่าชีวิตทั้งของเจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร ตำรวจ และกองกำลังท้องถิ่น เช่น ชรบ. อส. ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผสร. และประชาชน ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 10,000 คน บาดเจ็บหลายหมื่นคน มีทั้งคนพิการ ทั้งลูกกำพร้า และหญิงหม้าย ซึ่งเป็นผลพวงจากสถานการณ์ความรุนแรงที่รัฐต้องรับผิดชอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นงบประมาณที่เป็นภาษีจากประชาชนเราๆ ท่านๆ ทั้งสิ้น
ตัวเลขที่เป็นทางการที่น่าตกใจ คือ รัฐจ่ายงบประมาณในการดับไฟใต้ในระยะเวลา 19 ปี เฉพาะ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเพียงหน่วยเดียวมีถึง 4.9 แสนล้านบาท นี่ยังไม่รวมงบประมาณอื่นๆ ที่เป็นงบฟังก์ชัน และของหน่วยงานอื่นๆ เข้าด้วยกันยังน่าตกใจขนาดนี้ ถ้าไฟใต้ยังไม่มอดดับ รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณอีกเท่าไหร่ในการดับไฟใต้ นี่คือโจทย์ใหญ่ที่พรรคการเมืองที่จะเข้ามาบริหารประเทศต้องคิดและต้องแก้ด้วย
นโยบายสันติภาพสู่สันติสุข ที่ "นิพนธ์" นำเสนอในนามของ "ประชาธิปัตย์" ต่อประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องที่โดนใจของคนในพื้นที่ เพราะในความต้องการของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพุทธ-มุสลิม หรือคนไทยเชื้อสายจีน คือต้องการเห็นความสงบสุข ต้องการสันติสุข กลับมายังดินแดนแห่งนี้ และที่สำคัญ ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนไม่ใช่ทางออกจากปัญหาของไฟใต้อย่างแท้จริง
นโยบายสันติภาพสู่สันติสุขของประชาธิปัตย์จึงเป็นการให้คำมั่นสัญญากับประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ประชาธิปัตย์สนับสนุนการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลกับขบวนการบีอาร์เอ็น และขบวนการอื่นๆ เพื่อสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นแนวทาง ที่หลายๆ ประเทศที่มีปัญหาความไม่สงบที่เกิดจากขบวนการแบ่งแยกดินแดน นำไปแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้สำเร็จมาแล้ว
สร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นก่อน เมื่อสันติภาพถูกขับเคลื่อนให้เดินหน้าได้และเกิดขึ้นจริง ความเป็นสันติสุขในพื้นที่ก็จะติดตามมาสู่แผ่นดินปลายด้ามขวาน และเมื่อสันติภาพนำมาซึ่งสันติสุข โครงการพัฒนาในทุกมิติจะมีความสำเร็จและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาธิปัตย์ ที่นำเสนอต่อประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่จะมีขึ้นในไม่ช้านี้
อยากให้แผ่นดินปลายด้ามขวานมีสันติภาพ อยากให้คนปลายด้ามขวานมีสันติสุข อยากเห็นการพัฒนาในทุกมิติของแผ่นดินปลายด้ามขวาน ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องตัดสินใจเอาเองว่าจะเลือกคนของประชาธิปัตย์เป็น ส.ส.เพื่อสานนโยบายสันติภาพสู่สันติสุข หรือจะเลือกผู้สมัครจากพรรคการเมืองอื่น ก็อยู่ในวิจารณญาณของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องตัดสินใจ