โดย.. เมือง ไม้ขม
แม้จะเป็นจังหวัดเล็กที่มี ส.ส. หรือเขตเลือกตั้งเพียง 3 เขต แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ จังหวัดพัทลุงถูกจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งจากตำรวจ และ กกต. เพราะเป็นสนามชนช้างของ 3 พรรคการเมือง ที่ทุกพรรคต่างประกาศชัดเจนตั้งแต่ยังไม่ประกาศยุบสภาหรือหมดวาระของรัฐบาลว่า "แพ้ไม่เป็น"
ในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคภูมิใจไทย ซึ่งส่งผู้สมัครครั้งแรกในพื้นที่ภาคใต้ โดยมี "นาที รัชกิจประการ" เป็นแม่ทัพหญิง ได้ล้มผู้สมัครของประชาธิปัตย์อย่าง "นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" ส.ส.พัทลุง เขต 2 ที่ครองตำแหน่งมาอย่างยาวนาน 7 สมัย และ "สุพัชรี ธรรมเพชร" ส.ส.พัทลุง เขต 1 ได้สำเร็จ แบบที่คนของประชาธิปัตย์ไม่เคยคาดคิด
แม้แต่ในเขตเลือกตั้งที่ 3 "นริศ ขำนุรักษ์" แห่งประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยป้ายแดงในขณะนี้ แชมป์เก่าเขตนี้ ก็ชนะผู้สมัครของภูมิใจไทยไปอย่างฉิวเฉียด
และแม้ว่าหลังจากที่ ส.ส.ของภูมิใจไทยทั้ง 2 คนทำหน้าที่เป็น ส.ส.ได้ระยะหนึ่ง และถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จากข้อหาเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน และถูกศาลพิพากษาให้พ้นจากการเป็นผู้แทนราษฎร และถูกตัดสิทธิในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย
พัทลุง ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ "เจ๊เปี๊ยะ" นาที รัชกิจประการ แม่ทัพใหญ่ของภูมิใจไทย และเป็นศรีภรรยาของ "พิพัฒน์ รัชกิจประการ" รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา ในการเลือกตั้งครั้งนี้ "เจ๊เปี๊ยะ" ประกาศชัดว่า "ภูมิใจไทยต้องยกจังหวัด"
เขตเลือกตั้งที่ 1 ส่ง "ภุชงค์ วรศรี" อดีตประธานสภา อบจ.พัทลุง และอดีตผู้สมัครนายก อบจ.พัทลุง ลงแข่งขัน ในขณะที่ประชาธิปัตย์ส่ง "สุพัชรี ธรรมเพชร" ซึ่งสอบตกในครั้งที่แล้วลงสมัครเพื่อกู้ชื่อกู้ตำแหน่ง ส.ส.คืนอีกครั้ง ในขณะที่รวมไทยสร้างชาติและพรรคอื่นๆ ยังไม่มีความชัดเจน
ส่วนเขต 2 เป็นเขตที่ "นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" เคยปักธงเป็น ส.ส.ถึง 7 สมัยในสีเสื้อประชาธิปัตย์ ก่อนที่จะซาโยนาระไปอยู่กับ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แห่งพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ "บ้านใหญ่" ที่เคยเป็นฐานเสียงให้ประชาธิปัตย์มายาวนานอย่าง "ตระกูลธรรมเพชร" ได้ถอนสมอไปสนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ โดย "วิสุทธิ์ ธรรมเพชร" นายก อบจ.พัทลุง รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และส่ง "เสี่ยเดี่ยว" นิติศักดิ์ ธรรมเพชร สงสมัครในเขต 2
ในขณะที่ภูมิใจไทย ส่ง "วรท เทิดวีระพงษ์" ลูกชายของ "ฉลอง เทิดวีระพงศ์" ส.ส.เจ้าของพื้นที่ผู้ล้มเสาไฟฟ้า 7 สมัยอย่าง "นิพฏฐ์ อินทรสมบัติ" แต่ตนเองกลับถูกศาลตัดสินให้พ้นจากการเป็น ส.ส. ในข้อหาเสียบบัตรแทนกัน โดยเชื่อว่าคะแนนที่ "ฉลอง" เคยได้จะส่งผ่านมายัง "วรท" ผู้เป็นลูกชาย
ส่วนประชาธิปัตย์ต้องการกู้หน้าชิงพื้นที่คืน ได้ส่ง "ดร.ปิยกาญจน์ สุพรรณชนะบุรี" อาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ บุตรสาวของ "สานันท์ สุพรรณชนะบุรี" อดีตนายก อบจ.พัทลุง ลงสู้ศึกครั้งนี้
ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 3 เลือกตั้งครั้งนี้ "นริศ ขำนุรักษ์" มีตำแหน่ง รมช.มหาดไทยพ่วงท้ายมาด้วย จึงยิ่งทำให้ต้องรักษาเก้าอี้ที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของประชาธิปัตย์ให้ได้ ในขณะที่ "นาที รัชกิจประการ" แม่ทัพหญิงของภูมิใจไทย ประกาศที่จะล้มแชมป์ในเขต 3 ให้ได้ โดยส่ง "ประเทือง มนตรี" ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายลงชนกับ "นริศ" ในเขตนี้
สำหรับรวมไทยสร้างชาติส่ง "ปรัชญา นวลเปียน" หลานชายของ "สมคิด นวลเปียน" อดีต ส.ส.พัทลุงเขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีฐานคะแนนเดียวกับ "นริศ" ลงสมัคร โดยหวังใช้ความเป็นบ้านใหญ่ของตระกูลธรรมเพชรในการสร้างคะแนนเสียง
"ประชาธิปัตย์" ต้องการกู้ศักดิ์ศรีและเอาที่นั่งคืนมาให้ได้ และ "นริศ" ยังเป็น ส.ส.หนึ่งเดียวที่เป็นรัฐมนตรีของพรรคในภาคใต้ ที่ต้องยืนหยัดกู้ชื่อประชาธิปัตย์กลับคืนมา ส่วน "ภูมิใจไทย" นั้น พัทลุงคือบ้านเกิด คือฐานที่มั่นของ "เจ๊เปี๊ยะ" ที่เป็นแม่ทัพใหญ่ของภาคใต้ ที่แพ้ในจังหวัดอื่นได้ แต่ห้ามแพ้ที่ "พัทลุง" และรวมไทยรักษาชาติ ถ้าบ้านใหญ่ ซึ่งส่งลูกชายเป็นเดิมพัน ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาย่อมเป็นการลบลายเสือ
ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้ จ.พัทลุง แม้จะมี ส.ส.เพียง 3 คน แต่การสัปยุทธ์ที่นี่จะเต็มไปด้วยความดุเดือด ทั้งด้านการใช้อิทธิพล บารมี และยุทธปัจจัย ที่สำคัญ "นิพนธ์ บุญญามณี" รองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้ง "เดชอิศม์ ขาวทอง" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังมีความพร้อมในการแลกหมัดกับทุกพรรคการเมืองในสนามการเลือกตั้งของพัทลุง ที่แค่ประดาบก็เลือดเดือดแล้วนั่นเอง
บ้านใหญ่พร้อม นักเลงพร้อม มือปืนพร้อมแล้ว แล้ว กกต. ตำรวจ และฝ่ายปกครองพร้อมแค่ไหนกับการรับมือการเลือกตั้งที่ จ.พัทลุง ในครั้งนี้