ทัศนะ โดย.. เมือง ไม้ขม
การเปิดตัวเข้าสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม เป็นการเปิดตัวที่ไม่สมกับราคาคุย เพราะสิ่งที่ "บิ๊กตู่" นำมาพูดคุยเพื่อสื่อสารกับประชาชนในวันนั้นเป็นเรื่องเก่า เรื่องเดิมๆ ที่คนไทยได้ฟังจนคุ้นชินจาก "บิ๊กตู่" มาแล้ว และที่สำคัญ ผู้คนที่ติดตาม "บิ๊กตู่" ทั้งที่เป็น ส.ส. อดีต ส.ส. นักการเมือง เป็นไปตามที่สื่อมวลชนได้นำมาเปิดเผยก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น การเปิดตัวของ "บิ๊กตู่" ในการสวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงไม่ปัง ไม่สมกับราคาคุยก่อนการเปิดตัว
และนอกจากจะไม่ปังแล้ว ยังมีข่าวที่คนให้ความสนใจกว่าเข้ามาแย่งซีนการเปิดตัวของ "บิ๊กตู่" นั่นคือข่าวของ "ยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ์" อดีตรองนายกฯ ที่เกี่ยวกับการฟ้องร้องเรื่องการเป็นชู้กับภรรยาชาวบ้าน ที่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องหลอกลวงและตบทรัพย์ที่มีการฟ้องร้องกันนัวเนีย ซึ่งข่าวอย่างนี้คือข่าวที่สังคมให้ความสนใจมากกว่าเรื่องของ "บิ๊กตู่" เข้าสังกัดพรรคการเมือง เพื่อไปต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 3 ด้วยเหตุผลว่ายังมีงานมากมายที่ทำไม่เสร็จ แต่ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นข้ออ้างในการที่จะไปต่อ เพราะเสพติดอำนาจทางการเมืองมากกว่า
การเปิดตัวของ "บิ๊กตู่" ในการสวมเสื้อ "พรรครวมไทยสร้างชาติ" ที่ไม่ปังอย่างที่คาดหวัง นอกจากทำให้พรรคการเมืองหลายพรรคถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้ว หนึ่งในนั้นย่อมเป็น "ประชาธิปัตย์" เพราะประชาธิปัตย์และพลังประชารัฐ คือ 2 พรรคการเมืองที่ได้รับผลกระทบในยุทธวิธีของการตกปลาในบ่อเพื่อนของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะ ส.ส.ของทั้ง 2 พรรคดังกล่าวถูกรวมไทยสร้างชาติทำการดูดไปมากที่สุด และที่สำคัญพรรครวมไทยสร้างชาติ หมายมั่นปั้นมือที่จะกวาด ส.ส.ในภาคใต้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะได้ ส.ส.ทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 100 คน
ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และ ส.ส. ผู้แปรพรรคจากประชาธิปัตย์ในภาคใต้คนสุดท้ายคือทายาทของ "ชุมพล กาญจนะ" เป็นการปิดดีลการดูดของรวมไทยสร้างชาติ อย่างที่ "เดชอิศม์ ขาวทอง" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์พูด เท่ากับเลือดที่ไหลออกจากประชาธิปัตย์หยุดไหลแล้ว เมื่อนับจำนวน ส.ส.ของประชาธิปัตย์ที่เสียไป บวกกับการที่บ้านใหญ่ในภาคใต้ที่ทิ้งประชาธิปัตย์ไปสนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อส่งเสริมให้ "บิ๊กตู่" เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ได้ทำให้ประชาธิปัตย์ในสนามเลือกตั้งของภาคใต้ซวนเซแต่อย่างใด ผิดกับพลังประชารัฐที่เป็นพรรคการเมืองของ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เป็นพี่ใหญ่ใน "3 ป." และเป็นพี่ใหญ่ที่ปลุกปั้นให้น้องเล็กอย่าง "บิ๊กตู่" ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้าย "น้องตู่" ของพี่ป้อม ก็ทิ้ง "พี่ป้อม" อย่างไม่แยแสและยังสร้างบาดแผลให้พี่ป้อม ด้วยการดึง ส.ส.ของพรรคพี่ป้อม แบบไม่แคร์กับความเจ็บช้ำของพี่ใหญ่แห่ง "บูรพาพยัคฆ์" แม้แต่น้อย
ถ้าได้อ่านจดหมายน้อยที่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ได้อรรถาธิบายถึงความในใจและความรู้สึกในการที่ "น้องตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทิ้งพลังประชารัฐ ซึ่งรายละเอียดในจดหมายน้อย ถ้าอ่านให้เข้าใจและตีความในข้อความระหว่างบรรทัดจะถอดรหัสได้ถึงความเจ็บปวดที่ "พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์" ได้ระบายออกมาแบบ "เสือเจ็บ"
เชื่อเถอะ นับแต่นี้ไปแม้ความเป็นพี่น้องของ 3 ป. ยังไม่เสื่อมคลาย แต่สำหรับในเรื่องการเมืองจะมีการต่อสู้อย่างเข้มข้น และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง "พี่ป้อม" กับ "น้องตู่" อาจจะไม่ใช่แผนลับลวงพราง หรือ "แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย" อย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ รวมทั้ง "ประชาธิปัตย" ที่ถูก "บิ๊กตู่" ผู้อยู่เบื้องหลัง "รวมไทยสร้างชาติ" ทั้งควัก ทั้งล้วง ส.ส.ของพรรคไปแบบไม่เกรงใจ จะต้องใช้ทุกวิถีทางในการสกัดกั้นมิให้รวมไทยสร้างชาติมีที่ยืนในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไร ภาคใต้คือฐานที่มั่นของประชาธิปัตย์ ที่ยังได้เปรียบพรรคการเมืองทุกพรรคที่เข้ามาเพื่อล้มประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งนี้
เอาเข้าจริงๆ หลังการเปิดตัวของ "บิ๊กตู่" ก็มองเห็นความอล่างฉ่างของรวมไทยสร้างชาติ เห็นเพียง ส.ส.ของประชาธิปัตย์ที่เป็นดาวฤกษ์เพียง 2-3 ดวง และบ้านใหญ่อีก 3 หลังที่ไปเสริมทัพในภาคใต้ให้ "บิ๊กตู่" นอกจากนั้น เป็นนักการเมืองพื้นๆ ส่วนที่ปรึกษาที่ "บิ๊กตู่" ตั้งขึ้นมาโดยไม่สนใจมารยาททางการเมือง เพียงเพื่อให้ตนเองได้เปรียบในการเลือกตั้งไม่มีใครที่โดดเด่นพอที่จะชี้เป็นชี้ตายในสนามเลือกตั้งในภาคใต้ เพื่อที่จะโค่นล้มประชาธิปัตย์ลงได้
ที่ปรึกษาใหญ่อย่าง "ดร.สามสี" ไตรรงค์ สุวรรณคีรี นักการเมืองลายครามที่ไปจากประชาธิปัตย์ ควรจะขึ้นหิ้งให้เป็นที่เคารพของนักการเมืองด้วยกันมากว่าที่จะมาถือทวนกรำศึกทางการเมืองอีกต่อไป เพราะหลายปีที่ผ่านมา "ไตรรงค์" เกือบจะไม่มีบทบาททางการเมือง ทั้งในประชาธิปัตย์และกับสังคมไทย แต่อย่างไรก็ตาม การกลับเข้าสู่สนามการเมืองครั้งนี้ของ "ไตรรงค์" จึงเป็นอย่างที่ "เดชอิศม์ ขาวทอง" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ประชาธิปัตย์ไม่รู้สึกหวั่นไหวแต่อย่างใด เพราะ "ไตรรงค์" ไม่ได้มีส่วนร่วมทางการเมืองกับพรรคนานแล้ว เพียงแต่เสียดายที่คนเก่าแก่ที่เคยมีคุณูปการกับพรรคประชาธิปัตย์ลาออกจากพรรคเท่านั้น
เมื่อเห็นทั้งเนื้อนอกและเนื้อในของ "รวมไทยสร้างชาติ" ณ วันนี้แล้ว แฟนๆ ของ "ประชาธิปัตย์" ไม่ต้องหวั่นไหวว่า ประชาธิปัตย์จะเพลี่ยงพล้ำให้รวมไทยสร้างชาติของ "บิ๊กตู่" เพราะไม่ได้มีดีหรือมีราคาอย่างที่คุย แค่การจะเอา ส.ส.เก่าที่เป็น ส.ส.สมัยแรกที่ดูดจากพลังประชารัฐ อย่าง "พยม พรหมเพชร" "ศราตรา ศรีปาน" และ "อรุณ สวัสดี" 3 ส.ส.สงขลา กลับเข้าสภาให้ครบก็หืดจับแล้ว
"ประชาธิปัตย์" วันนี้ไม่ใช่ตะเกียงที่ขาดน้ำมัน เมื่อน้ำมันเต็มตะเกียง และมี "นิพนธ์ บุญญามณี" รองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรค ซึ่งมีความช่ำชองในพื้นที่เลือกตั้งภาคใต้ ที่อ่านเกม และเห็นหน้าไพ่ของ "รวมไทยสร้างชาติ" ได้อย่างปรุโปร่ง และมี "เดชอิศม์ ขาวทอง" รองหัวหน้าพรรคที่พร้อมจะเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน เป้าหมายที่ "ประชาธิปัตย์" ตั้งไว้ทำได้อย่างแน่นอน
ส่วนแฟนๆ ของ "ลุงตู่" และ ส.ส.ที่ย้ายพรรค เห็นทีต้องทำใจไว้ล่วงหน้าที่รวมไทยสร้างชาติต้องผิดหวังในการตีป้อมค่ายของประชาธิปัตย์ไม่สำเร็จ และยังต้องคอยระวังป้องกันพรรคพลังประชารัฐ ที่กลายเป็นหอกข้างแคร่ รอจังหวะในการทิ่มแทงเพื่อระบายความเจ็บช้ำน้ำใจที่ถูก "น้องตู่" ผู้อยู่เบื้องหลังนโยบายของรวมไทยสร้างชาติ ที่ตั้งขึ้นเพื่อรวม "คนสร้างตู่" ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 3 สร้างความเจ็บช้ำอย่างแสนสาหัส
เชื่อเถอะ รวมไทยสร้างชาติไม่มีอะไรที่ใหม่กว่าพรรคการเมืองอื่นๆ เพราะเป็นพรรค "เฉพาะกิจ" ที่มีที่มาแบบเดียวกับพลังประชารัฐ เมื่อปี 2562 ที่ตั้งขึ้นเพื่อเป็น "นั่งร้าน" ให้ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ในการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อการเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น