นครศรีธรรมราช - ประมงเถื่อนยังอาละวาดหนัก เจ้าหน้าที่แค่หยิบมือไล่จับเรืออวนรุนเขตชายฝั่งอ่าวปากพนัง อ่าวปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช จับกุมได้เพียง 1 ลำ คุมตัวคนในเรือ 3 ราย
ปัญหาประมงเถื่อน หรือประมงที่ใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมาย และถูกจัดอยู่ในเครื่องมือทำล้ายล้างทรัพยากรสัตว์น้ำชายฝั่งอย่างรุนแรง ยังคงเพิ่มจำนวนการทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด วันนี้ (16 ม.ค.) นายสมพร ยีสมัน หัวหน้าหน่วยปราบปรามประมงทะเลปากพนัง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ได้ออกปฏิบัติการตรวจจับประมงผิดกฎหมายบริเวณอ่าวปากพนัง อ่าวปากนคร ต.ปากนคร อ.เมืองนครศรีธรรมราช พบเรือประมงชนิดอวนรุน ซึ่งเป็นชนิดเครื่องมือต้องห้ามในการทำประมงชายฝั่งมากกว่า 30 ลำ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าประชิดได้เพียง 1 ลำ เนื่องจากกำลังเจ้าหน้าที่มีน้อย และมีเรือตรวจการณ์เพียงลำเดียว สามารถจับกุมได้เพียง 1 ลำ โดยในเรือพบสัตว์น้ำวัยอ่อนจำนวนมาก ซึ่งได้จากเครื่องมือผิดกฎหมาย มีบุคคลในเรือ 3 ราย จึงทำการควบคุมและจับกุม ส่วนเรืออวนรุนที่ทำประมงอยู่ในระยะไม่สามารถติดตามได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องควบคุมผู้ต้องหา และนำเรือของกลางกลับเข้าฝั่ง ทำบันทึกจับกุมที่ฐานปฏิบัติการหน่วยปราบปรามประมงทะเล และคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย ผู้ควบคุมเรือ 1 ราย และลูกเรือ 2 ราย แจ้งข้อหาลักลอบ และร่วมกันลักลอบใช้เรือยนต์ประมงประกอบเครื่องมืออวนรุนทำการประมงในที่จับสัตว์น้ำโดยไม่รับอนุญาต เป็นการฝ่าฝืน ม.67 (4) แห่ง พ.ร.ก.การประมง 2558 แล้วจึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ดำเนินคดี
สำหรับพื้นที่อ่าวปากพนัง อ่าวปากนคร เป็นพื้นที่ปฏิบัติการโครงการปากพนังโมเดล ฟื้นฟูทรัพยากร และปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมาอย่างได้ผลเมื่อช่วง 6 ปีที่ผ่านมา โดยการบูรณาการเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่หลังจากที่ถูกตัดงบประมาณลงไปจำนวนมาก ทำให้คงเหลือเพียงเจ้าหน้าที่ปราบปราบประมงทะเลเพียงไม่ถึง 10 นาย ที่ผลัดเปลี่ยนเข้าเวรปฏิบัติการ ทำให้กลุ่มผู้ลักลอบเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากหลายเท่าตัว ขณะที่ชาวประมงพื้นบ้านที่ประกอบอาชีพในกรอบของกฎหมาย ถูกคุกคามจากกลุ่มผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง จนมีจำนวนไม่น้อยที่อาจต้องเปลี่ยนอาชีพ เนื่องจากไม่สามารถรับสภาพได้ และปริมาณสัตว์น้ำที่ลดลงจากเครื่องมือทำลายล้างจนเข้าสู่ภาวะวิกฤตอีกครั้ง