ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นายกสมาคมอสังหาฯ ภูเก็ต เผยลงทุนอสังหาฯ เริ่มขยับตัวแล้ว หลังท่องเที่ยวฟื้นตัว ต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก พูลวิลล่าระดับลักชัวรีบูมสุดๆ รัสเซีย-ยุโรปหนีหนาว หนีสงคราม ขนเงินออกมาซื้อ เช่าระยะยาว เป็นตลาดน่าจับตาสุด ขณะที่ตลาดระดับล่างราคาไม่เกิน 2.5 ล้านก็ขยายตัว แต่ที่ยังไม่ขยับคือ ตลาดระดับกลางที่กำลังซื้อยังไม่กลับมา
นายพัทธนันท์ พิสุทธิวิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ต ว่า หลังจากที่มีการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาภูเก็ตเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ส่งผลดีต่อภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ ในภูเก็ตเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตลาดอสังหาฯ ที่เป็นตลาดระดับล่าง และระดับบนที่เป็นลักชัวรีมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าในส่วนของตลาดระดับกลางจะยังไม่กระเตื้องก็ตาม
โดยตลาดอสังหาฯ ในภูเก็ตนั้นแบ่งออกเป็น 3 ตลาดหลักๆ คือ ตลาดระดับล่างที่เน้นลูกค้าคนไทยและคนในท้องถิ่น และทำที่ทำงานอยู่ในภูเก็ต ระดับราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาท ตลาดระดับกลาง ที่ราคาตั้งแต่ 2.5 ล้านไปจนถึง 8 ล้านบาท และตลาดระดับบน หรือตลาดลักชัวรี ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป จนถึงตลาดซูเปอร์ลักชัวรีที่ราคาตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป
สำหรับตลาดระดับล่างที่ราคาไม่เกิน 2.5 ล้านบาทนั้น กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนท้องถิ่นในภูเก็ต คนที่เข้ามาทำงานในภูเก็ต จะมีลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในภูเก็ตนานแล้วและมีภรรยาเป็นคนไทยบ้างเล็กน้อย ซึ่งตลาดกลุ่มนี้มีความต้องการที่อยู่อาศัยค่อนข้างสูง สังเกตได้จากหลายโครงการที่เปิดขายในราคา 1.9 ล้านบาท ไปจนถึง 2 ล้านบาทกว่าๆ จะได้รับการตอบรับที่ดีมาก มียอดจองสูงและสามารถปิดโครงการได้รวดเร็ว แต่จะมีปัญหาการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่ค่อนข้างจะเข้มงวด และหลังจากช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ตลาดกลุ่มนี้จะกลับมาเร็วมาก จากการท่องเที่ยวภูเก็ตขยายตัว
ส่วนตลาดระดับกลางที่ราคาตั้งแต่ 2.5 ล้านบาทขึ้นไปจนถึง 8 ล้านบาท ซึ่งฐานลูกค้าที่กว้างและลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มพนักงานโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว ในระดับหัวหน้างาน หรือผู้ประกอบการ SMEs เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดมากที่สุด ทำให้กำลังซื้อของตลาดกลุ่มนี้หายไปเกือบทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ตลาดระดับกลางซบเซาอย่างมากตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด เนื่องจากมีการเลิกจ้าง ลดเงินเดือน แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำลังซื้อตลาดกลุ่มนี้จะกลับมาหลังไตรมาส 3 ของปีหน้าไปแล้ว เนื่องจากเมื่อการท่องเที่ยวกลับมาเจ้าของโรงแรม และสถานประกอบการเลือกที่จะจ้างพนักงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษและเทคโนโลยีได้ดีกว่า รวมทั้งเงินเดือนน้อยกว่า จึงทำให้ฐานลูกค้ากลุ่มนี้หายไปเป็นจำนวนมาก และสถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยเงินกู้อีกด้วย
“แต่กลับกันในส่วนของตลาดระดับบนไปจนถึงลักชัวรี ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป จนถึงตลาดระดับซูเปอร์ลักชัวรี ที่ราคาสูงๆ หลังละเป็น 100 ล้านบาท กลับบูมที่สุดหลังโควิดระบาด” นายกสมาคมธุรกิจอสังหาฯ ภูเก็ต กล่าวและว่า
เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้ลูกค้าหลักเป็นชาวต่างชาติที่มีความต้องการที่พักอาศัยในภูเก็ต ได้รับปัจจัยบวกมาจากการท่องเที่ยวของภูเก็ตที่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้คนรัสเซียไม่มั่นใจว่าสงครามจะจบลงเมื่อไหร่ คนรัสเซียที่มีกำลังซื้อสูงต้องการที่จะนำเงินออกมาซื้อทรัพย์สินภายนอกประเทศ เพราะเกรงว่าจะถูกล็อกไม่ให้นำเงินออกมาหากสงครามยืดเยื้อต่อไป จึงตัดสินใจนำเงินที่มีอยู่มาซื้อหรือเช่าอสังหาฯ ในเมืองที่น่าสนใจ ซึ่งภูเก็ตก็เป็นเมืองที่อยู่ในความสนใจและเป็นจุดหมายปลายทางของชาวรัสเซียอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ชาวยุโรปยังนิยมที่จะซื้อที่พักในระดับลักชัวรีที่ภูเก็ต เพื่อไว้หนีหนาวมาพักผ่อน เนื่องจากประเทศในยุโรปมีปัญหาเรื่องพลังงาน ที่ทางรัฐบาลได้จำกัดเรื่องการใช้พลังงานโดยให้เลือกว่าแต่ละบ้านจะใช้พลังงานชนิดใดชนิดหนึ่ง และต้นทุนพลังงานจะสูงมาก ทำให้คนยุโรปที่มีกำลังซื้อสูงเลือกที่จะหนีหนาวมาพักผ่อนในเมืองร้อน โดยการลงทุนพูลวิลล่าหรู หรือเช่าในระยะยาว เพราะต้นทุนจะต่ำกว่าการใช้พลังงานในประเทศตัวเองด้วยซ้ำ และภูเก็ตยังคงเป็นจุดหมายของชาวยุโรปอยู่เหมือนเดิม
โดยอสังหาฯ ที่ชาวต่างชาติสนใจเข้ามาซื้อ และเช่าระยะยาวนั้นจะเป็นพูลวิลล่าหรู และนักท่องเที่ยวบางรายได้เข้ามาเช่าพูลวิลล่าอยู่เป็นเวลานานหลายเดือน บางรายอยู่นาน 3-6 เดือน เพื่อหนีหนาว แทนการอยู่โรงแรม หรือบางรายมองว่าการลงทุนอสังหาฯ ในช่วงนี้จะได้ราคาที่ไม่สูงมาก จึงทำให้ตลาดพูลวิลล่าที่ราคาสูงๆ ในภูเก็ตบูมอย่างมากในขณะนี้ เรียกได้ว่าพูลวิลล่าทั้งที่สร้างเพื่อขายและให้เช่ามีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ที่มีอยู่ถูกซื้อและจองพักระยะยาวเต็มทั้งหมดจากความต้องการของชาวต่างชาติ ทั้งรัสเซีย ยุโรป จีนจากฮ่องกง มาเก๊า แม้แต่จีนแผ่นดินใหญ่ เป็นต้น แต่ที่เป็นตลาดหลักจะเป็นรัสเซีย กับยุโรป
นายกสมาคมอสังหาฯ ภูเก็ต กล่าวอีกว่า จากที่ธุรกิจอสังหาฯ มีการฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการด้านอสังหาฯ ในภูเก็ตและส่วนกลางที่เข้ามาลงทุนในภูเก็ต เริ่มที่จะขยับตัวในการนำโครงการที่ได้ชะลอไว้ในช่วงโควิดระบาดมาปัดฝุ่นใหม่กันบ้างแล้ว มีการเสนอขอปรับผังหรือเปลี่ยนผังโครงการให้ตรงกับความต้องการ เพราะมั่นใจว่าในปี 2566 นี้ ตลาดอสังหาฯ ในภูเก็ตจะขยายตัวในทุกเศกเมนต์ ถ้าสถานการณ์การท่องเที่ยวของภูเก็ตยังคงขยายตัว และสงครามไม่ขยายตัวออกไปมากกว่านี้
“แม้จะมองกันว่าเศรษฐกิจโลกจะถดถอยในปีหน้า แต่มองว่าไม่น่าจะกระทบต่อภูเก็ตมากนัก เพราะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งตราบใดที่ยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาและเติบโตไปเรื่อยๆ แบบนี้ เศรษฐกิจของภูเก็ตยังจะเติบโตต่อไปได้ ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาฯ เติบโตตามไปด้วย” นายพัทนันท์ กล่าวและว่า
สำหรับมูลค่าการลงทุนในภาคอสังหาฯ ภูเก็ตในปีหน้านั้น มูลค่าการลงทุนยังไม่สามารถที่จะขึ้นมาเท่ากับก่อนเกิดโควิดระบาดได้ เพราะนักลงทุนมองว่ายังคงมีความเสี่ยง การลงทุนจะค่อยๆ ขยับ ซึ่งก่อนโควิดระบาดภูเก็ตมีมูลค่าการลงทุนด้านอสังหาฯ อยู่ที่ 20,000-30,000 ล้านบาทต่อปี เป็นการลงทุนโดยนักลงทุนในพื้นที่ภูเก็ตที่มีสายป่านยาว นักลงทุนจากส่วนกลาง และการลงทุนร่วมกับนักลงทุนชาวต่างชาติกับนักลงทุนในท้องถิ่น แต่คิดว่าโครงการที่ลงทุนหลังจากนี้จะเป็นโครงการที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เหลือสักประมาณ 200-300 ล้านต่อโครงการ จากเดิมที่มีการลงทุนโครงการใหญ่มูลค่า 400-500 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้เงินลงทุนน้อยลง และสามารถปิดการขายได้เร็วขึ้น และตลาดจะเป็นเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ส่วนตลาด mass นั้น ราคาจะอยู่ที่ไม่เกิน 5 ล้านบาท แต่ที่น่าโฟกัสมากที่สุดคือตลาดลักชัวรีหลังละ 100-200 ล้าน ตลาดนี้น่าจับตามากที่สุดในปีหน้า