xs
xsm
sm
md
lg

สถานการณ์ไฟใต้เกิดทหารมูอัลลัฟมากมายในพื้นที่ อาจเป็นปมเงื่อนไขใหม่ทำให้สันติภาพเกิดช้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จากกรณีเกิดการแย่งชิงศพทหารมูอัลลัฟ ร.ท.สุรศักดิ์ บัวสาย หรือนายอามีน อดีตนายทหารในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี หนึ่งในทหารมูอัลลัฟที่ได้เปลี่ยนจากพุทธ มานับถืออิสลามเป็นศาสนาใหม่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2557 ตามวันเดือนปีที่ได้ระบุในบัตรมูอัลลัฟของเขา ที่ออกโดยสำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดยะลา หรือ 9 ปีที่แล้ว และในวันเดือนปีเดียวกันก็ได้แต่งงานกับ น.ส.แมะนะ สะตาวา หรือกะยะห์ แม่หม้ายลูกติดสาวรามัน จ.ยะลา อยู่กินกันฉันสามีภรรยาจนเกษียณอายุราชการ เมื่อเดือนกันยายน 2565 หรือ 4 เดือนที่ผ่านมานี้เอง

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ร.ท.สุรศักดิ์ หรือนายอามีน เข้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลสงขลานครินทร์หาดใหญ่ หลังจากมีอาการหายใจไม่สะดวก จากโรคมะเร็งระยะที่สี่ ภายหลังจากมาตรวจอาการป่วยตามหมอนัด จากนั้นเข้าพักรักษาตัวในห้องรวมอายุรกรรมชาย ในสภาพสวมท่อหายใจ ตลอดระยะเวลาพักรักษาตัวตั้งแต่ 27-30 ธันวาคม กะยะห์ ภรรยาได้เฝ้าหน้าห้องตลอด และเข้าเยี่ยมทุกๆ เวลาที่หมออนุญาต จนกระทั่งเสียชีวิต โดยภรรยาที่เฝ้าอยู่หน้าห้องผู้ป่วยไม่รู้มาก่อนเลย เพราะพยาบาลไม่ได้แจ้ง ได้แต่รอเวลาที่จะเข้าเยี่ยมได้

กระทั่งเวลา 07.00 น. ของวันที่ 30 ธันวาคม ได้มีภรรยาเก่า พร้อมลูกสาวที่นับถือพุทธ มาถึงแล้วบอกตัวเองว่าคุณพ่อเสียแล้ว จะมารับศพพ่อกลับไป ทำให้กะยะห์ ภรรยามุสลิมช็อกตกใจว่าสามีเสียชีวิตแล้วทำไมตัวเองไม่รู้ จากนั้นเกิดการยื้อแย่งกัน เพระผู้ตายได้ทำหนังสือพินัยกรรมสั่งเสียว่าจะให้จัดการศพเขาแบบอิสลามอย่างเดียว แต่สุดท้ายไม่เป็นผล เพราะทางโรงพยาบาลสงขลานครินทร์หาดใหญ่ ได้ส่งมอบศพนายอามีน ให้ญาติฝั่งภรรยาพุทธขึ้นรถยนต์ออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยไม่สนใจหนังสือพินัยกรรมของผู้ตายแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน ลูกสาวของผู้ตายฝั่งพุทธ ก็ได้ยึดกุญแจรถยนต์ และบัตร ATM ของผู้ตาย ก่อนนำรถยนต์พากลับอีกด้วย ทำให้กะยะห์ น้ำตาตก เหลือเสื้อผ้าแค่ตัวเดียวที่สวมใส่ในวันนั้น เพราะกระเป๋าเสื้อผ้าที่เก็บไว้ในรถถูกพาไปหมดแล้ว เป็นอะไรที่เศร้าใจมากสำหรับสาวมุสลิมที่ต้องเจอกับเรื่องราวในลักษณะนี้ กะยะห์ ภรรยาของทหารมูอัลลัฟ ยังได้กล่าวอีกว่า เท่าที่รู้นายสุรศักดิ์ หรือนายอามีน ได้แต่งงานกับสาวมุสลิมมาก่อนเขาแล้ว แต่ภรรยามุสลิมคนนั้นได้เสียชีวิตจึงมาได้กับเขา

นายซอลาฮุดดีน หะยียูโซะ เลขานุการคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า เคสแบบนี้ที่เป็นปัญหามีเยอะ แต่ไม่ได้เข้ามาในระบบ ที่มีข้อมูลเฉพาะปี 2564 มีผู้เข้ารับศาสนาอิสลาม จำนวน 65 คน เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ 6 คน ปี 2565 จำนวน 60 คน เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ 6 คน จริงๆ มีข้อมูลมากกว่านี้หลายปีย้อนหลัง แต่วันนี้เจ้าหน้าที่ไม่อยู่ นอกจากตรงนี้ยังมีเจ้าหน้าที่มูอัลลัฟที่ไม่ได้เข้าระบบอีกเยอะ และเป็นปัญหามากมาตลอด เชื่อว่าอนาคตจะมีอีกเยอะ ที่เรารู้เนื่องจากพวกเขาจะต้องมาทำเอกสารความเป็นมุสลิม และเอกสารจัดการศพ ซึ่งเอกสารตรงนี้สามารถนำไปเปลี่ยนศาสนาในบัตรประชาชนได้เลย มีผลทางกฎหมาย

“ผมคิดว่าเคสที่เป็นปัญหานี้มีอะไรมากกว่าที่เรายังไม่ทราบ เพราะภรรยาบอกว่าลูกสาวก็เคยมา และชวนพ่อกลับ พ่อก็ไม่กลับ อยากอยู่ที่นี่ให้ภรรยาที่นี่จัดการศพ ก็ถือเป็นกรณีตัวอย่าง เคสต่อไปให้คิด สุดท้ายก็คงต้องเป็นไปตามศาลพิจารณา ก็เมื่อภรรยาแจ้งความแล้วต้องให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน เพราะอีกด้านมีทะเบียนสมรส อีกด้านมีทะเบียนสมรสของคณะกรรมการอิสลาม ซึ่งกรรมการอิสลามไม่ได้ออกสุ่มสี่สุ่มห้า กรรมการอิสลามออกตามกฎหมาย และเป็นข้อตกลงระหว่างมหาดไทยกับคณะกรรมการอิสลาม”

หลังจากนี้คงจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมประจำเดือนกรรมการอิสลามแห่งประเทศไทย สิ้นเดือนนี้มาคุยถึงการดูแลและสิทธิ ตรงนี้ใครเป็นผู้ได้รับกรรมสิทธิ์ เพราะเรายังไม่ทราบว่าหลังจากเสียชีวิตแล้ว มรดกตกทอดมีบำเหน็จบำนาญอะไร และนอกจากเรื่องการจัดการศพแล้ว ควรจะเป็นผู้จัดการมรดกไปเลย อันนี้คือประเด็นที่เราต้องคุยต่อไป

ประเด็นลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่นายทหารขับเครื่องบินช่อง 7 ขับเครื่องบินตกที่กาญจนบุรี ภรรยาเป็นคนยะลา สุดท้ายก็เคลียร์ได้ เอาศพมาทำพิธีทางศาสนาอิสลาม แต่เคสนั้นเขาหย่าเรียบร้อยแล้ว จบไปด้วยดี เรื่องนี้ที่เป็นประเด็นมีเรื่องของมรดกตกทอด เรื่องบำเหน็จบำนาญที่เป็นเรื่องใหญ่ ที่นี้ก็ต้องฝากไปถึงผู้บังคับบัญชา หรือกองทัพว่าจะพิจารณาอย่างไร เพราะกรณีแบบนี้กองทัพหรือรัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างไร อย่าให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวก็แล้วกัน

ได้ดูกฎเหล็กของหน่วยความมั่นคงของกองทัพ เขาห้ามอยู่แล้ว การแต่งงาน การมีครอบครัว โดยเฉพาะคนที่มีสามีอยู่แล้ว หรือเด็กสาวๆ และเด็กในพื้นที่บางคนก็ชอบคนในเครื่องแบบ ส่วนใหญ่มาหน้าตาก็ดีด้วย มาจากภาคอีสานขาวๆ ฝากไปยังรัฐบาลอยากให้มาทำงานในรูปลักษณะของเรื่องความมั่นคงจริงๆ แต่เรื่องนี้มันนอกเหนือจากความมั่นคงแล้ว หลายคนมีลูกมีเมียอยู่แล้ว แต่ประเด็นมูอัลลัฟ ถ้ายังอยู่พื้นที่ไม่ได้ย้ายไปไหนไม่มีปัญหา แต่หลังจากย้ายไปหรือเกษียณจะเป็นประเด็น

อิสลามไม่ได้ห้ามแต่งงานกับคนนอกศาสนา แต่เมื่อแต่งงานแล้วมีปัญหาก็ไม่สนับสนุน โดยเฉพาะในกรอบการแต่งงานของเจ้าหน้าที่ที่มาจากที่อื่น ต้นสังกัดควรดูแล ในกรณีแบบนี้ควรเพิ่มวินัย เรื่องแบบนี้ผมมั่นใจว่าคนในพื้นที่ก็ไม่ชอบ ไม่เห็นด้วย การสร้างสันติภาพมันก็ยิ่งช้าๆ เพราะเหมือนกำลังกดขี่ผู้หญิงโดยตรง ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบตลอด แล้วกลุ่มขบวนการจะนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นเงื่อนไขให้ขยายความต่อได้ ยิ่งทำให้เกิดความล่าช้าการแก้ปัญหา

พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เรามีกฎเหล็กอยู่แล้วในเรื่องชู้สาว ถ้ามีเราลงโทษตามวินัยอยู่แล้ว แต่ถ้าเขาเกิดมีความรักชอบพอกัน ก็เป็นไปตามวิธีการขั้นตอนตามศาสนาต่างๆ ซึ่งตรงนี้เราเข้าใจกำลังพลดี แต่การที่จะไปตกลงอะไรกันต่างๆ ตัวกำลังพลไม่ได้รายงานให้หน่วยรับทราบ หน่วยไม่สามารถทราบได้ว่าเขาได้ตกลงอะไรกัน ซึ่งถ้าเป็นเรื่องชู้สาว ทางกองระบบต้องลงโทษทางวินัยอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้เน้นย้ำทุกหน่วย ทางเราเองไม่ได้ปล่อยปละละเลย เน้นย้ำกับกำลังพลทุกคนอยู่ตลอดเวลา ทั้งคนเก่าและคนใหม่ที่ลงไปปฏิบัติงาน แล้วตัว ร.ท.สุรศักดิ์ อยู่หน่วยไหน ทำงานที่ไหน นายทหารท่านนี้เกษียณไปแล้ว ไม่ได้ประกอบงานอยู่ในหน่วยแล้ว เรื่องนี้คงต้องใช้ทางหลักกฎหมายเข้าดำเนินการแล้ว ทางภรรยาต้องแจ้งความ

นายรุสดี บาเกาะ รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา บอกว่า อิสลามเป็นศาสนาที่ใสสะอาด มีศาสนกิจที่เรียบง่าย นับถือพระเจ้าอัลลอฮ์องค์เดียว และพิธีกรรมเกี่ยวกับศพก็เรียบง่าย อาบน้ำให้ศพ เรียกญาติๆ มาจูบหน้าผากอำลาศพ ห่อศพ พาละหมาดศพ แล้วนำไปฝังห้ามเกิน 24 ชั่วโมง นานไปทำให้ศพทรมาน เพราะศพที่ดีเขาเห็นภาพสรวงสวรรค์แล้ว คนเป็นจึงต้องรีบเอาศพฝังโดยเร็ว

สำหรับเคสกำลังดรามาอยู่ขณะนี้ ทหารที่เข้ารับอิสลามมานาน 10 ปี แล้วแต่งงานกับแม่หม้ายที่ อ.รามัน จ.ยะลา อยู่แบบฉันสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของอิสลาม และมีใบรับรองเข้ารับอิสลาม มีหนังสือพินัยกรรมทางศาสนาอิสลาม ออกโดยคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา แล้วเกิดเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวัน 1 ม.ค.66 ที่ผ่านมา และทางภรรยาเก่า (พุทธ) และลูกๆ ได้ทราบข่าวการเสียชีวิต จึงได้ไปรับศพของพ่อที่เป็นทหาร กลับมาทำพิธีศาสนาพุทธที่บ้านเกิดอยุธยา ซึ่งเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางญาติฝั่งไทยพุทธได้ทำพิธีเผาศพในเวลา 16.00 น. ที่วัดอยุธยาในที่สุด หลังเกิดการชิงศพทหารมูอัลลัฟ ระหว่างภรรยาฝังพุทธกับภรรยาฝั่งมุสลิม และเชื่อกันว่าเคสนี้ต้องไม่ใช่เคสสุดท้าย และไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เกิดมาก่อนแล้ว และถูกปิดข่าวเงียบ


กำลังโหลดความคิดเห็น