ตรัง - เตรียมร้อง ป.ป.ช.สงสัยลักโค่นไม้ยาง อบจ.ตรังไปขาย แหว่ง 2 แปลง 10 ไร่ เปิดภาพถ่ายเครื่องจักร อบจ.เข้าดำเนินการ คาดเสียหายรวม 4 แสน แจ้งนายก อบจ.ตรังแล้วยังเงียบ เผย 1 ฤดูกาลผลิต 400 ไร่ กำไรแค่ 6 แสน
เมื่อเร็วๆ นี้ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ว่า มีข้อสงสัยการลักลอบตัดโค่นไม้ยางพารา ในที่ดินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง (อบจ.ตรัง) ไปขายโดยพลการ โดยไม่มีการประมูลจำหน่ายทรัพย์สินตามระเบียบราชการ ในแปลงสวนยางพารา อบจ.ตรัง พื้นที่ริมถนนช่องหาร-เขาดิน หมู่ 3 ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง รวมจำนวน 2 แปลง เนื้อที่รวมประมาณ 10 ไร่
จากนั้นชาวบ้านได้นำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปดูสวนยางพาราของ อบจ.ตรัง ดังกล่าว ซึ่งเป็นแปลงยางพาราขนาดใหญ่ เป็นต้นยางพารา ซึ่งมีการเปิดกรีดเอาน้ำยางตามปกติ มีร่องรอยการกรีด และการเก็บน้ำยาง โดยเป็นต้นยางมีอายุเกินกว่า 20 ปี เป็นยางพารามีอายุพร้อมตัดขายไม้ยาง โดยจุดที่พบการตัดไม้ยางออกไปแบ่งเป็น 2 จุด จุดแรกเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ อยู่ริมถนนช่องหาญ-เขาดิน และจุดที่ 2 เนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ซึ่งอยู่ห่างจากถนนเข้าไปประมาณ 500 เมตร ซึ่งทั้ง 2 จุด มีต้นยางถูกตัดออกไปทั้งแปลง เหลือแต่ที่ดินว่างเปล่า และมีการปลูกผักสวนครัว เช่น มะเขือ ตะไคร้ พริก และมีการนำวัวมาเลี้ยงกินหญ้าในที่ดินว่างดังกล่าวแทนที่
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ชาวบ้านซึ่งนำลงพื้นที่ได้เปิดภาพถ่ายให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมให้ข้อมูลว่า เมื่อราวเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2565 ในช่วงเวลากว่า 3 เดือน ได้มีการนำรถแบ็กโฮ และรถกระบะของ อบจ.ตรัง เข้ามาในแปลงยางพาราดังกล่าว ผู้นำท้องที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน และเมื่อเข้าไปดูและมีการบันทึกภาพเป็นหลักฐาน ขณะเครื่องจักร อบจ.กำลังทำงาน และคนงานขนไม้ยางใส่รถกระบะออกไปอย่างน่าผิดสังเกต เพราะหากเป็นการขายไม้ยาง ซึ่งเป็นทรัพย์สินของรัฐ จะต้องมีการประมูลตามวิธีของราชการ และต้องประมูลยกแปลง แต่ลักษณะที่เกิดขึ้นนี้เป็นการเข้ามาตัดไม้เพียงบางส่วนเท่านั้น จึงตั้งข้อสงสัยว่าการตัดไม้ยางขายในลักษณะเช่นนี้ เงินที่ได้จากการขายไม้ยางดังกล่าวได้เข้าสู่ราชการหรือไม่ หรือไปอยู่ในกระเป๋าใคร และแม้ทาง อบจ.ตรัง จะมีแผนในการตัดโค่นเพื่อจำหน่ายไม้ยาง แต่ยังไม่ได้มีคำสั่งดำเนินการ แต่กลับมีบุคคลเข้ามาตัดโค่นไปโดยพลการเสียก่อน
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับคนดูแลสวนยางของ อบจ.ตรัง ซึ่งอยู่ในบริเวณดังกล่าว เปิดเผยว่า สวนยางนี้ทาง อบจ.เตรียมโค่นเพื่อขายไม้ยางแล้ว และมีการสุ่มตัดไม้ยางไปแปลงละ 1-2 ต้น เพื่อดูเนื้อไม้ และทดสอบน้ำหนัก จำนวน 10 กว่าต้น ส่วนที่โค่นไป 2 จุดใหญ่ดังที่ปรากฏนั้น มีเจ้าหน้าที่ของ อบจ.นำรถแบ็กโฮเข้ามาล้มไม้ยางไปเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา ได้ไม้ยางจำนวนมากพอสมควร แต่ตนไม่รู้ว่าไม้ยางที่ล้มนั้นเขาเอาไปไหน
ด้านนายสมชาย นิลละตะ ชาวบ้านในพื้นที่ ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง กล่าวว่า ตนทราบข้อมูลตั้งแต่ต้น เพราะตนไปพบเหตุการณ์ที่มีเจ้าหน้าที่นำรถแบ็กโฮเข้าล้มยางพาราดังกล่าว และตนได้สอบถามกับผู้จัดการสวนยางพาราของ อบจ.ตรัง พร้อมสอบถามที่มาที่ไปของการเข้ามาตัดไม้ยางพาราดังกล่าว ซึ่งทราบว่าเป็นการโค่นโดยพลการ ไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารงานของ อบจ.ตรัง นอกจากนั้น ทราบว่ามีนายช่าง อบจ.ตรัง ที่คุมเครื่องจักรเป็นคนดำเนินการ และตนได้แจ้งไปยัง นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพรพิพิธ นายก อบจ.ตรัง ผ่านแอปพลิเคชันไลน์แล้ว เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2565 โดยนายก อบจ.ตรัง ได้เพียงแต่ตอบกลับว่า “ขอบคุณ” หลังจากนั้นไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ จากแปลงที่ 1 ไปแปลงที่ 2 ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน เนื้อที่อีกกว่า 4 ไร่ รวมทั้งหมดประมาณ 10 ไร่
“การลักลอบโค่นไม้ยางของรัฐเป็นความผิดทางอาญา ต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะถือเป็นการลักทรัพย์ของราชการการ เนื้อที่ทั้งหมดเกือบ 10 ไร่ อยากให้ อบจ.ตรัง ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง จะได้ไม่มีใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ให้นายก อบจ.ตรัง ยึดข้อเท็จจริง ยึดความถูกต้องเป็นหลัก ผิดก็ว่าไปตามผิด ซึ่งหลังจากนี้หาก อบจ.ตรังไม่ดำเนินการใดๆ ตนจะไปร้อง ป.ป.ช.ให้ดำเนินการตรวจสอบ” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวอีกว่า การเข้าตัดไม้ยางพาราดังกล่าว จากภาพถ่ายเป็นการนำเครื่องจักรของ อบจ.ตรังเข้ามาดำเนินการ โดยใช้รถแบ็กโฮของ อบจ.ตรัง และรถที่ใช้บรรทุกไม้ยางพารา เป็นรถที่คนงานของ อบจ.ตรังเป็นผู้นำมา โดยตอนมีการลักลอบโค่นใหม่ๆ ตนได้สอบถามไปยังนายก อบจ.ตรัง ซึ่งทางนายก อบจ.ตรัง บอกว่ายังไม่ทราบเรื่อง ซึ่งนั่นหมายความว่าคนที่ลักลอบล้มไม้ยางพารานั้นไม่มีอำนาจล้มไม้ยางดังกล่าว เพราะยังไม่มีคำสั่ง ไม่มีการเปิดประมูลใดๆ การโค่นล้มไม้ยางพาราลักษณะนี้ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง
ขณะที่รายงานข่าวจาก อบจ.ตรัง แจ้งว่า ทั้งนี้ สำหรับราคาไม้ยางพาราในปัจจุบัน ราคาซื้อขายไม้ยางจากโรงงานแปรรูปไม้ยางพารา มีราคาไร่ละ 30,000-40,000 บาท โดยนำไม้ยางทั้งหมดกว่า 10 ไร่ คาดว่ามีมูลค่าประมาณ 300,000-400,000 บาท อย่างไรก็ตาม จากระวางแผนที่สำหรับสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมันของ อบจ.ตรัง ในพื้นที่หมู่ 3 ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง มีเนื้อที่รวม 1,077 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ปลูกยางพารา ประมาณ 400 ไร่ พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน 265 ไร่ พื้นที่ป่าประมาณ 200 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ว่าง
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับการจัดเก็บผลประโยชน์จากสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมันของ อบจ.ตรัง มีปัญหาความไม่ชัดเจนในการการควบคุมดูแลมาโดยตลอด เพราะเป็นพื้นที่ปิด ไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปตรวจสอบได้ ทั้งการเก็บเกี่ยวผลผลิตน้ำยางพารารายวัน ซึ่งมีการกรีดขายเป็นน้ำยางสด โดยมีการสำแดงจำนวนผลผลิตตามจำนวนวันของการเก็บเกี่ยว โดยอ้างอิงแรงงาน และสภาพอากาศ ส่วนผลผลิตปาล์มน้ำมัน ก็สำแดงตามปริมาณการเข้าไปเก็บเกี่ยว โดยใช้แรงงานในแต่ละรอบ นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ทั้งค่าปุ๋ย ค่าบำรุงรักษาแปลง ค่าจัดการต่างๆ
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน ครั้งที่ 2/2565 ของ อบจ.ตรัง เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ที่มีนายก อบจ.ตรัง เป็นประธาน ที่ประชุมได้รายงานผลผลิตยางพารา แปลง ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ ซึ่งได้เริ่มเปิดกรีดประจำฤดูกาลผลิต ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 ถึงมีนาคม 2565 ได้ผลผลิตน้ำยาง และเศษยาง มีผลกำไร 652,350.77 บาท และรายงานผลผลิตปาล์มน้ำมัน แปลง ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงธันวาคม 2564 สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 17 ครั้ง มีผลกำไร 6,017,490.50 บาท ตามช่วงที่ปาล์มน้ำมันมีราคาสูง แม้จำนวนไร่จะน้อยกว่าแปลงยางพารามาก นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาเห็นชอบเรื่องการบริหารจัดการสวนยางพาราโดยพิจารณาการกำหนดวันเปิดกรีดยางพารา ประจำฤดูกาลผลิตปี 2566 และกำหนดวิธีการจำหน่ายยางพารา
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายก อบจ.ตรังหลายครั้ง ทั้งทางโทรศัพท์มือถือส่วนตัว และติดต่อผ่านเจ้าหน้าที่ เพื่อสอบถามถึงกรณีชาวบ้านตั้งข้อสงสัยการตัดโค่นไม้ยางพาราในแปลงดังกล่าว ได้รับการชี้แจงเพียงว่าติดภารกิจ และยังไม่สามารถชี้แจงได้
