สตูล - แก๊งทวงหนี้ออนไลน์ออกอาละวาด นำรูปและข้อมูลเหยื่อโพสต์ประจานให้อับอาย แลกกับการให้จ่ายเงินตามที่อ้าง ขณะที่เหยื่อมึนตึ้บไม่เคยกู้ยืมแต่ถูกกระทำ โผล่เข้าแจ้งความเพื่อให้ตำรวจเร่งหาตัวเอาผิด
วันนี้ (4 ม.ค.) ที่สถานีตำรวจ สภ.เมืองสตูล เหยื่อแก๊งทวงหนี้ทางโทรศัพท์กำลังเถียงกันไปมาภายในโรงพัก และมีการท้าหากเป็นหนี้จริงมาตกลงกันภายในโรงพัก ซึ่งกลโกงของแก๊งทวงหนี้ในครั้งนี้ได้ล้วงข้อมูลโพสต์รูปเหยื่อประจานให้ตกใจและสร้างความอับอายทางสื่อโซเชียล ก่อนที่จะมีการแท็กรูปภาพให้เพื่อนของเหยื่อที่รู้จัก โดยการใส่ชื่อ สกุล เบอร์โทร. บ้านเลขที่ พร้อมข้อความ “มาดูจ้าอายุขนาดนี้ยังโกงเขาอยู่ เข้ามากู้เงินเขาแดกแล้วไม่จ่าย” เพื่อให้เหยื่อตกใจและอับอาย
น.ส.วาสนา แก้วกาบู อายุ 23 ปี หนึ่งในเหยื่อบอกว่า มีเพื่อนหลายคนตกเป็นเหยื่อในลักษณะโทร.มาทวงหนี้ เราบอกว่าไม่เคยไปยืม ให้ส่งหลักฐานมากลับบอกว่าไม่มี หากไม่จ่ายในวงเงินที่ยืมไปที่ตั้งตัวเลขขึ้นมา 3,000 บาท จะประจาน 77 จังหวัด และไม่คาดคิดว่าจะประจานจริง เพราะเขาแอบเอารูปเราไปโพสต์ประจานให้หนูอับอาย ทั้งที่เราไม่ได้กู้เงินจึงต้องเข้าแจ้งความ เมื่อเข้าไปดูเขาเพิ่งสร้างเฟซบุ๊กใหม่เพียงแค่ 22 ชม. หากมีหลักฐานเราพร้อมจ่ายแต่เขาไม่มี หนูมองว่าเป็นมิจฉาชีพ เพื่อนหลายคนไม่แจ้งความแต่หนูเลือกที่จะแจ้งความ
นายภัทรวรรธน์ ฝ่ายมะลิทอง เจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยร่มไทร จ.สตูล เป็นอีกหนึ่งคนที่นำเอกสารเข้าแจ้งความต่อตำรวจ หลังถูกแก๊งตกทรัพย์ทวงหนี้มาในรูปแบบคอลเซ็นเตอร์ โดยแรกเริ่มได้มี 3 ข้อความเด้งมาที่ตนว่าไปเป็นหนี้ เลยติดต่อสอบถามทางแก๊งทวงหนี้บอกว่าต้องการเอารูปไปพ่วงเพื่อเชื่อมลูกหนี้ให้จ่ายเงิน เพื่อนเหยื่อที่เห็นจะมาบอก ทำให้เกิดความอับอาย และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียความรู้สึก เสื่อมเสีย หัวหน้างานเราอาจจะคิดว่าเราไปติดหนี้เขา อยากให้ตำรวจตามจับหากเป็นแก๊งมิจฉาชีพ เพราะบางคนไม่กล้าแจ้งความ ส่วนตัวคิดว่าต้องแจ้งความไว้ก่อน
ด้าน พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ ปรากฏชื่อ ผกก.สภ.เมืองสตูล สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเอาผิดแก๊งตกทรัพย์ในครั้งนี้ หลังพบว่าพฤติการณ์ต้องการให้เหยื่อตกใจและอับอาย ด้วยการโพสต์รูปประจาน หากต้องการให้ลบรูปก็ต้องแลกเพื่อจ่ายเงินที่ตกลงกัน ซึ่งขอให้ผู้ตกเป็นเหยื่อตั้งสติก่อนที่จะโอนเงิน โดยให้รีบเข้ามาปรึกษาทางตำรวจ
สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้พบว่ามีเหยื่อมากถึง 10 คนที่มีการโพสต์รูปประจานให้อับอาย ซึ่งตำรวจกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีและเอาผิดในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
