xs
xsm
sm
md
lg

เรือสำราญขนาดใหญ่-ขนาดเล็กขนนักท่องนักท่องเที่ยวจ่อคิวเข้าภูเก็ตคึกคัก มั่นใจดีต่อเนื่องจนถึงปีหน้า ทำรายได้สะพัด 3 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภูเก็ต – กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังหยุดยาว 3 ปี เรือสำราญขนาดใหญ่-เล็กจ่อคิวขนนักท่องเที่ยวเข้าภูเก็ตยาวถึงปีหน้า ทำรายได้สะพัด 3,000 ล้านบาท ส่วนสาเหตุทำคนเที่ยวเพิ่มเกิดจากความอัดอั้น ต้องการท่องเที่ยวแบบล้างแค้น

กลับมาคึกคักอีกครั้งสำหรับตลาดท่องเที่ยวเรือสำราญในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต หลังจากการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว หลายประเทศเริ่มที่จะให้ประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยวได้ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาภูเก็ตจำนวนมาก ทั้งทางบก ทางอากาศ และทางเรือ ทำให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับการท่องเที่ยวทางทะเลทั้งในส่วนของเรือสำราญขนาดใหญ่ และเรือยอชต์ หลังจากสถานการณ์โควิดระบาดคลี่คลาย ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะเรือสำราญขนาดใหญ่ที่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ


โดยปีนี้เป็นปีแรกที่เรือสำราญขนาดใหญ่ เดินทางกลับเข้ามาทอดสมอที่จังหวัดภูเก็ต หลังหยุดเดินเรือไปเกือบ 3 ปี โดยเรือสำราญลำแรกที่กลับเข้ามาจอดเทียบท่าที่หน้าอ่าวป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา คือ เรือ SPECTRUM OF THE SEA เดินทางมาจากประเทศสิงคโปร์ โดยเรือลำดังกล่าวขนผู้โดยสาร พร้อมลูกเรือ จำนวน 4,594 คน และ ในจำนวนนี้มีผู้โดยสารที่ลงท่องเที่ยวในพื้นที่ภูเก็ตจำนวนมาก ทำให้มีรายได้สะพัดไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน

หลังจากนั้น ยังมีเรือสำราญจากบริษัท Resorts World Cruises นำเรือสำราญ Genting Dream เดินทางเข้ามาภูเก็ตเป็นครั้งแรก โดยเดินทางจากประเทศสิงคโปร์-มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์ ผ่านท่าเรือ Port Klang) ปีนัง จ.ภูเก็ต ประเทศไทย จอดเทียบหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต พร้อมนักท่องเที่ยวกว่า 3,000 คน หลังจากนั้นมีเรือเดินทางเข้ามาจอดเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งอ่าวป่าตอง และท่าเทียบเรือน้ำลึก จ.ภูเก็ต ซึ่งการเดินทางเข้ามาของเรือสำราญทำให้มีรายได้เกิดขึ้นจำนวนมาก รายได้แต่ละครั้งขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นมาท่องเที่ยวบนเกาะ

นายณชพงศ ประนิต ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับการท่องเที่ยวทางเรือของจังหวัดภูเก็ตได้กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย และหลายประเทศเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางท่องเที่ยวได้ ทำให้การท่องเที่ยวทางทะเลดีขึ้นด้วย โดยในส่วนของเรือสำรวจขนาดเล็ก หรือเรือยอชต์พบว่ามีทิศทางที่ดีมาก มีการแจ้งเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นตลอดเวลา คาดว่าในปีนี้จะมียอดทะลุเข้ามามากกว่า 1,000 ลำ และคิดว่าไม่น่าจะน้อยกว่าสถิติที่เคยทำไว้สูงสุดเมื่อปี 2561 และ 2562 ที่มีเรือยอชต์แจ้งเข้ามาปีละกว่า 2,500 ลำ และในปีนี้ดูจากตัวเลขแล้วพบว่ามีการแจ้งเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากตัวเลขที่แจ้งเข้ามาเชื่อได้ว่าการท่องเที่ยวทางทะเลของภูเก็ตจะดีไปถึงปีหน้าอย่างแน่นอน


ส่วนเรือสำราญขนาดใหญ่ หรือเรือยครุยส์ พบว่าปีนี้เป็นปีแรกที่กลับมาเดินเรืออีกครั้ง หลังจากหยุดยาวมาเกือบ 3 ปี โดยปีนี้พบว่ามีเรือสำราญขนาดใหญ่เข้ามาภูเก็ตแล้วจำนวน 3 สายการเดินเรือ จำนวน 4 ลำ และมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเรือเหล่านี้จะเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ละลำสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ 3,000 -5,000 คนต่อเที่ยว

นอกจากนั้น ยังมีเรือสำราญขนาดเล็กซึ่งเป็นเรือสำราญแบบ Exclusive ที่มีความหรูหรา สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ครั้งละประมาณ 300 คน เรือเหล่านี้กำลังทยอยเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวที่ภูเก็ต ซึ่งส่วนใหญ่จะจอดที่ท่าเทียบเรือน้ำลึก โดยขณะนี้มีการแจ้งการเดินทางเข้ามาตลอดทั้งปี

นายณชพงศ กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่ทำให้เรือสำราญทั้งขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก และเรือยอชต์เดินทางเข้ามาจอดเทียบท่าที่จังหวัดภูเก็ตจำนวนมาก เกิดจากหลายปัจจัยบวก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขออนุญาตทำการค้าในน่านน้ำไทย สำหรับเรือต่างประเทศ ทางกรมเจ้าท่า โดยกระทรวงคมนาคมมีการปรับรูปแบบการขออนุญาตให้มีความรวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เรือที่จะเข้ามาในประเทศไทย นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของคนที่มีความอัดอั้นกันมานาน เมื่อมีการเปิดประเทศจึงตัดสินใจเดินทางออกท่องเที่ยว หรือที่เรียกว่าเที่ยวล้างแค้น ทำให้ทุกคนต้องการที่จะเดินทางท่องเที่ยว


รวมทั้งเรื่องของการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องให้เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งเรื่องของการจัดระบบการดูแลความปลอดภัยทางน้ำที่มีประสิทธิภาพ ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความมั่นใจ และเรื่องต่อไปคือเรื่องของความสวยงามของจังหวัดภูเก็ต ที่หลังจากเกิดโควิดพบว่าแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตได้รับการฟื้นฟูจนมีความสวยงามเพิ่มขึ้นมากขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต เคยระบุไว้ว่า การเดินทางกลับเข้ามาของเรือสำราญขนาดใหญ่ใน จ.ภูเก็ต ยอมส่งผลดีต่อจังหวัดภูเก็ต ในการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวอย่างมาก เนื่องจากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่นิยมการเดินทางด้วยเรือยอชต์ เรือสำราญนั้น เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง ที่ผ่านมา ททท.ได้ดำเนินการส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มาตลอด โดยสถิติการเดินทางทางเรือในปี 2562 มีเรือสำราญเดินทางเข้ามาจังหวัดภูเก็ต จำนวน 154 ลำ คนประจำเรือพร้อมผู้โดยสารรวม 485,598 คน

ขณะที่จังหวัดภูเก็ต มีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวทางเรือสำราญ โดยเฉพาะการให้บริการทางการท่องเที่ยว สปา แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ และแหล่งชอปปิ้ง ซึ่งสามารถตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี และนี่จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะสร้างรายได้ให้จังหวัดภูเก็ตอีกทางหนึ่ง และต่อยอดไปสู่การเข้าเทียบท่าของเรือสำราญต่อไปในอนาคตอันใกล้


ด้าน ศรชล. หรือศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล มั่นใจว่าจะมีเรือสำราญเข้าสู่ประเทศไทยจำนวนไม่น้อยกว่า 156 ลำ ในปี พ.ศ.2566 คาดว่าจะสร้างรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท และเพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินเรือ ทาง ศรชล. ได้มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ในการดูแลขับเคลื่อนเพื่อต้อนรับเรือสำราญ จากนานาชาติที่จะนำพานักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 ภายใน ปลายปี 2570 ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ประเด็นการท่องเที่ยวในหัวข้อการท่องเที่ยวสำราญทางน้ำ ที่ได้กำหนดไว้แล้วในแผนการปฏิบัติราชการ 5 ปี ของ ศรชล. (พ.ศ.2560-2570) ทั้งนี้ คาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ไทยเตรียมรับการประเมินจาก International Maritime Organization หน่วยสังกัดองค์การสหประชาชาติ ถึงความพร้อมของไทยในการรับเรือจากต่างประเทศ ทั้งเรือขนส่งสินค้า กิจการท่องเที่ยวทางเรือ ซึ่ง ศรชล. เป็นหน่วยงานหลักในเรื่องนี้ เพื่อให้มีความปลอดภัยในการเดินเรือและพร้อมรับนักท่องเที่ยว

ซึ่งการประเมินดังกล่าวไม่มีการกำหนดระดับ (Tier) แต่จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ เรื่องค่าประกันภัยของเรือที่จะเข้ามา เพราะถ้าไม่ผ่านการประเมินด้านความปลอดภัยจะทำให้เรือต้องจ่ายค่าประกันภัยแพงขึ้น ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการเดินเรือเพิ่มขึ้น โดยจะประเมินเรื่องการช่วยเหลือเรือเดินทะเล ด้านอากาศยาน การสนับสนุนข้อมูลด้านอุทกศาสตร์ เป็นต้น หากไทยผ่านการประเมินได้รับการประกันเรื่องความปลอดภัย ค่าประกันภัยจะลดลง และสร้างความมั่นใจในการเดินเรือในน่านน้ำไทยมากขึ้น




กำลังโหลดความคิดเห็น