ตรัง - หนูน้อยวัย 13 ปี ยืนยันเต็มใจมาทำงานตัดปาล์มเพื่อหารายได้ช่วยครอบครัว แม้จะถูกเจ้าหน้าที่หาว่าเป็นการใช้แรงงานเด็ก เพราะทำด้วยความสุข ไม่ได้ถูกบังคับ รายได้ก็ดีเท่าผู้ใหญ่ แถมงานไม่ได้หนักมาก
จากกรณีที่ได้มีการเสนอข่าว “น้องเร” หรือ ด.ช.นนทพันธ์ เดชเจริญ หนูน้อยวัย 13 ปี อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลตำบลควนกุน อ.สิเกา จ.ตรัง ว่าเป็นอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอด เพื่อช่วยหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ทั้งพ่อและน้องสาว หลังจากที่แม่แยกทางจากไป ส่วนตัวหนูน้อยเรียนจบแค่ชั้น ป.4 จึงต้องตระเวนทำงานรับจ้างทั่วไป กระทั่งโชคดีที่มี “พี่เจม” หรือนายเจม สมแสง อายุ 31 ปี หนุ่มชาว ต.กะลาเส อ.สิเกา ให้การอุปการะด้วยการดึงมาช่วยทำงานตัดผลปาล์มน้ำมัน ทำให้หนูน้อยเริ่มมีอาชีพที่มั่นคง และมีรายได้ประจำวันละ 300-500 บาท
แต่ล่าสุดกลับมีหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งติดต่อมายัง นายเจม ผู้ที่ให้การอุปการะหนูน้อยวัย 13 ปี ให้เดินทางไปพบที่ศาลากลางจังหวัดตรัง พร้อมอ้างว่าการให้หนูน้อยมาทำงานตัดผลปาล์มน้ำมันอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย จนถูกกระแสโซเชียลวิจารณ์หน่วยงานดังกล่าวอย่างหนักว่าแทนที่จะช่วยเหลือ กลับมากระหน่ำซ้ำเติมคนดีๆ นั้น
“พี่เจม” หรือนายเจม สมแสง หัวหน้าทีมงานขอยหวันตรังปาล์มซิ่ง บอกว่า หลังจากที่ข่าวออกไปได้มีทางสังคมสงเคราะห์เข้ามาช่วยเหลือ เพื่ออยากให้น้องเร ได้ไปเรียนต่อ นอกจากนั้น ยังมีเจ้าหน้าที่แรงงานโทรศัพท์มาพูดคุยในทำนองที่ว่า ตนเองใช้แรงงานเด็ก ทั้งที่ตอนแรกที่ตนเองได้พบกับหนูน้อย ขณะที่ไปตัดปาล์มบริเวณใกล้บ้านของน้อง เขาได้เข้ามาขอช่วยตัดปาล์มเอง ซึ่งพอตัดเสร็จ ตนเองให้เงินน้องเขาไปกินขนม 40 บาท กระทั่งมาช่วงหลังตนเองนึกสงสาร เลยชวนน้องเร มาทำงานด้วย เพราะอยากให้เขามีงานทำ เพราะก่อนหน้านี้น้องเร เคยตัดปาล์มกับญาติๆ มาก่อนอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยได้ตัดบ่อย จึงไม่มีรายได้ประจำ น้องเขาลำบากมาก อยู่กับพ่อ และน้องสาวอีกคน
“ตัวเองอยากจะขอความเห็นใจ เพราะตนเองไม่ได้ใช้แรงงานเด็ก ในความเป็นจริงตนเองสงสารน้องเร มากกว่า ที่ได้พาหนูน้อยมาทำงานเพราะอยากให้น้องเขามีรายได้ และอยากฝากถึงหน่วยงานด้วย อยากให้เข้ามาดูแลน้องเขาอย่างจริงๆ จังๆ และตนเองไม่ได้รู้เรื่องกฎหมาย มีเพียงแต่ความตั้งใจที่อยากจะให้น้องเขามีรายได้ก็เท่านั้น และตอนที่ตนเองโพสต์คลิปน้องเรลงติ๊กต็อก ก็มีคนอยากจะบริจาคช่วย แต่ตนเองไม่ได้เปิดรับบริจาคแต่อย่างใด เพราะไม่อยากมีปัญหาตรงนี้ บอกตรงๆ เลยว่าเมื่อโดนเจ้าหน้าที่แจ้งมาแบบนี้ ตนเองรู้สึกท้อ หากอนาคตอยากจะช่วยเหลือใคร เมื่อเอากฎหมายมาพูดแบบนี้ ตัวเองไม่อยากจะช่วยเหลืออีกแล้ว รู้สึกท้อใจไปเลย”
ด้าน “น้องเร” หรือ ด.ช.นนทพันธ์ เดชเจริญ หนูน้อยวัย 13 ปี บอกว่า ก่อนหน้านี้ตัดปาล์มมา 2-3 ปีแล้ว มีความชำนาญ 80% เลยทีเดียว ที่บ้านอยู่กัน 3 คน มีพ่อ ตนเอง และน้องสาว พ่อทำงานก่อสร้าง ตนเองเรียนอยู่ ป.4 น้องสาวเรียน ป.2 แต่ตอนนี้ไม่ได้เรียนแล้ว เพราะไม่มีเงิน เวลาออกไปตัดปาล์มรู้สึกชอบ สนุก ไม่เหนื่อย ไม่ได้เป็นงานหนัก ได้เงินมาเอาเงินไปซื้อกับข้าวให้ครอบครัวได้กินกัน และเอาไปให้พ่อไว้ใช้จ่ายด้วย ซึ่งถ้าหากมีคนมาช่วยเหลือให้ได้เข้าเรียน ตนเองก็อยากเรียนต่อ ส่วนกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่แรงงานมาแจ้งกับ “พี่เจม” หรือนายเจม สมแสง เรื่องแรงงานเด็กนั้น ตนเองจะไม่หยุดทำงาน เพราะได้ทำงานที่ชอบ และถ้าหยุดไปจะไม่มีเงินมาเลี้ยงครอบครัว
ส่วน นางจันทร์เพ็ญ ชิดเชื้อ เจ้าของสวนปาล์มน้ำมัน อยู่บ้านเลขที่ 53 หมู่ 3 ต.ท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง บอกว่า ตนเองได้จ้างทีมงาน “พี่เจม” หรือนายเจม มาตัดปาล์มหลายแปลง เห็นว่าการทำงานของหนูน้อยมีความสุขดี เหมือนกับทำไปเล่นไป ในตอนที่เขาไปยกทะลายปาล์ม ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องยกแบบจริงจัง เขาช่วยกันกับพี่ๆ และก่อนหน้านี้ทราบมาว่า รายได้ที่ได้มาแบ่งเท่ากัน น้องยังได้เท่ากับผู้ใหญ่ทุกคนด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เป็นการเอาเปรียบแรงงาน กลับเป็นการช่วยเหลือให้เขาได้มีรายได้ไปเลี้ยงครอบครัวมากกว่า ถ้าคนมองว่าเป็นการใช้แรงงานเด็กน่าจะไม่ถูกต้อง เพราะน้องเขาทำงานเป็นอาชีพ ทำแบบมีความสุข ไม่ได้ถูกบังคับ
อย่างไรก็ตาม โดยนิสัยของน้องเร จะเป็นเด็กที่อ่านหนังสือไม่ออก ไม่ว่าหาเงินมาได้เท่าไหร่ เขาจะเอาให้พ่อเขาหมด เป็นเด็กขยัน แล้วก็อยากทำงาน ที่เขามาทำงานแบบนี้ดีกว่าให้เขาไปเกเร สังคมควรจะมองว่าถ้าปล่อยให้เขาไม่มีงานทำ เขาอาจจะไปลักเล็กขโมยน้อย หรือติดยาเสพติดก็ได้ ปัญหาสังคมจะตามมา เพราะฉะนั้นสังคมควรที่จะเข้าไปดูในเชิงลึก ในสาระของครอบครัว เพราะเขาอยู่กับพ่อ ที่ไม่มีแม่ และยังมีน้องสาวอีกคนหนึ่งด้วย ควรจะไปมองและช่วยเหลือตรงนี้มากกว่า ไม่ควรจะมาตำหนิว่าใช้แรงงานเด็ก ส่วนพี่เจม ก็เป็นทีมที่รับจ้างตัดปาล์มให้ตนเองมาเป็นเวลา 3-4 ปีแล้ว ทำงานดี นิสัยดี มีการแบ่งรายได้เท่ากัน จึงน่ายกย่อง
อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง :
๐ วิจารณ์ยับ! หนุ่มช่วยหนูน้อยวัย 13 ปีให้มีงานมีรายได้ ถูกเรียกสอบเข้าข่ายผิดกฎหมาย
