xs
xsm
sm
md
lg

รู้จัก "ประชาธิปัตย์"รู้จัก "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" กับบทบาทนักการเมืองดาวรุ่งที่ไม่ธรรมดา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทัศนะ โดย.. เมือง ไม้ขม

ใกล้จะเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้งในเวลาอีกไม่กี่เดือน ไม่ว่าจะยุบสภา หรือรัฐบาลอยู่ครบวาระ ต้นปี 2566 ประเทศไทยต้องมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน เห็นได้ชัดเจนคือ การย้ายค่ายย้ายพรรคอย่างอุตลุดของนักการเมือง ที่ไม่เว้นแม้แต่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่หมายมั่นปั้นมือในการไปต่อในตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” สมัยที่ 3

หลายพรรคการเมือง แม้แต่ "รวมไทยสร้างชาติ" ที่เป็นบ้านหลังใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังขลุกขลัก และบางพรรคยังขลุกขลิก มีการย้ายเข้าย้ายออก แสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมในการรับศึกเลือกตั้งในครั้งนี้

ที่สำคัญ หลายพรรคการเมืองที่บอกว่าพร้อม และบอกว่าจะแลนด์สไลด์ เอาเข้าจริงยังไม่กล้าที่จะประกาศว่า พรรคของตนเองจะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี

ผิดกับ "ประชาธิปัตย์" ที่ถือว่าเที่ยวนี้แม้จะมีเรื่องเลือดไหลออกจำนวนหนึ่ง แต่กลายเป็นพรรคการเมืองที่พร้อมที่สุดในสนามเลือกตั้งครั้งนี้

พร้อมที่จะทำศึก พร้อมที่จะรับกับกระแสดูดจากพรรคต่างๆ ที่หวังจะเจาะไข่แดงประชาธิปัตย์ในภาคใต้ เพื่อไปเพิ่มจำนวน ส.ส.ให้แก่พรรคของตนเอง

และพร้อมในการประกาศให้ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นการเสนอชื่อเพียงชื่อเดียวของพรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงถึงความพร้อมและความมั่นใจในการลงสู่สนามเลือกตั้งในครั้งนี้

ก่อนหน้านี้ “นิพนธ์ บุญญามณี” รองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาการันตีถึงความพร้อมของประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ และการันตีถึงคุณสมบัติของ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่มีความพร้อม มีคุณสมบัติในการเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ไม่น้อยหน้ากว่าพรรคการเมืองอื่นๆ

ในขณะที่หลายพรรคการเมืองต่างโจมตีว่า "จุรินทร์" เป็นนักการเมืองที่ไม่มีจุดขายและกลายเป็นจุดอ่อนของประชาธิปัตย์ในสนามเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งการออกมากล่าวเช่นนี้น่าจะเป็นเรื่องที่รู้ไม่จริงของคนพูด และไม่ได้ศึกษาภูมิหลังของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบันนี้ หรือกาลเวลาที่ผ่านไปทำให้ประชาชนลืมบทบาทที่โดดเด่นทางการเมือง ทั้งในสภาและในการเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ของ "จุรินทร์" ไปแล้วต่างหาก

และอาจจะประกอบกับ "จุรินทร์" เป็นนักการเมืองที่พูดน้อย พูดแต่เนื้อๆ ไม่ได้พูดเพื่อเอามันอย่างนักการเมืองบางคน และประชาธิปัตย์ยุคนี้อ่อนด้อยเรื่องการสื่อสารกับสังคม จึงทำให้มีการมองข้ามจุดเด่นของหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นนักการเมืองที่มีจุดขายในหลายด้าน แต่ไม่ได้หยิบยกขึ้นมาเป็นจุดขายให้แก่ประชาชน

ในอดีตเมื่อปี 2529 “จุรินทร์” ถูกขนานนามให้เป็น ส.ส.ดาวรุ่ง เป็น ส.ส.ใหม่ดีเด่น ในการทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร โดยสื่อมวลชนสายรัฐสภา

ในปี 2530 นักการเมืองดาวรุ่งชื่อ "จุรินทร์" ได้รับเลือกให้เป็นกรรมาธิการดีเด่น จากสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย จากบทบาทในการทำหน้าในคณะกรรมาธิการการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร ในกรณีการทวงคืนทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ จากประเทศสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ

ปี 2535 นักการเมืองหนุ่มผู้นี้ทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และปี 2537-2538 ทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อมาในปี 2540-2543 ขึ้นชั้นเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นี่คือย่างก้าวที่ต่อเนื่องของนักการเมืองที่ชื่อ "จุรินทร์"

วันที่ 20 ธันวาคม 2551-17 มกราคม 2553 “จุรินทร์” ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งถือเป็นกระทรวงเกรดเอของประเทศ ที่มีหน้าที่สร้างคนสร้างชาติ และวันที่ 18 มกราคม 2553-9 สิงหาคม 2554 “จุรินทร์” ย้ายไปทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทุกกระทรวงที่รัฐมนตรีจุรินทร์ ไปทำหน้าที่ มีผลงานที่โดดเด่นมากมายที่ได้ทำไว้ และกลายเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ และมีการต่อยอดโดยนักการเมืองจากพรรคต่างๆ ที่เข้าไปรับไม้ต่อในการบริหารกระทรวงเหล่านั้น และกลายเป็นจุดขาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนพึงพอใจจนถึงปัจจุบัน

วันนี้ ในรัฐบาลชุดนี้ที่มี "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี “จุรินทร์” ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นกระทรวงที่เกี่ยวกับการขายผลผลิตของเกษตรกร การควบคุมราคาสินค้าเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน โดยเฉพาะคนจนที่กระจายไปทั้งแผ่นดิน ซึ่ง "จุรินทร์" ก็ทำได้ดี เช่น เป็นผู้กำหนดนโยบาย "เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด" มีการใช้นโยบาย "ประกันราคาพืชผลทางการเกษตรในพืชเศรษฐกิจ" ที่เรียกว่าพืชการเมือง ทั้ง 5 ตัว คือ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน อ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด ที่ทำให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ ซึ่งจะเห็นว่าในเกือบ 4 ปีของการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลของประชาธิปัตย์ เป็นครั้งแรกของรัฐบาลที่ตลอดระยะเวลาการเป็นรัฐบาลจนกำลังจะครบวาระ ไม่มีเรื่องของเกษตรกรชุมนุมประท้วง เรียกร้องในกรณีผลผลิตตกต่ำ เพราะเกษตรกรพอใจกับนโยบายประกันราคานั่นเอง

ตลอดระเวลาเกือบ 4 ปีของการเป็นเจ้ากระทรวงพาณิชย์ มีการทำงานหนักตลอดเวลา ทั้งการเจรจากับผู้ผลิตภายในประเทศ เพื่อควบคุมราคาสินค้า อย่าให้มีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน รวมทั้งการเดินทางไปเจรจากับประเทศต่างๆ ทั้งที่เป็นคู่ค้า และการเปิดตลาดการค้าใหม่เพื่อการระบายสินค้าที่ผลิตในประเทศ จนผลักดันให้มีการส่งออกสินค้า ทั้งในภาคเกษตรและอื่นๆ ไปยังต่างประเทศมากขึ้น เสียดายที่หน่วยงานประชาสัมพันธ์ของกระทรวงพาณิชย์ขาดการประชาสัมพันธ์ให้คนในประเทศได้รับทราบ

ส่วนเรื่องบางเรื่อง เช่น ปุ๋ยและยาที่ใช้ปราบศัตรูพืชแพง มาจากภาวะของการเกิดสงคราม ระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่อยู่เหนือการควบคุม แต่ "จุรินทร์" ก็พยายามเดินทางไปเจรจา ทั้งกับจีนและซาอุดีอาระเบีย เพื่อขอซื้อปุ๋ยในราคามิตรภาพ เพื่อแก้ปัญหาให้แก่เกษตรกร

ถามว่านักการเมืองและหัวหน้าพรรคการเมืองอย่างนี้หรือที่ถูกมองว่าไม่มีจุดขาย และถามว่านักการเมืองที่เงียบๆ ไม่โอ้อวด แต่มีผลงานที่โดดเด่นปรากฏอย่างนี้ ทำไม่จึงจะเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้

วันนี้ประชาธิปัตย์ในยุคที่ "จุรินทร์" เป็นหัวหน้าพรรค ไม่ได้เป็นพรรคการเมืองที่ดีแต่พูด แต่เป็นพรรคการเมืองที่พูดดีและทำได้อย่างที่พูดอย่างที่ได้หาเสียงเอาไว้ ถ้าเลือกตั้งครั้งหน้าไม่เลือก "จุรินทร์" ไม่เลือกประชาธิปัตย์ แล้วจะไปเลือกใคร


กำลังโหลดความคิดเห็น