โดย.. เมือง ไม้ขม
ในฐานะของผู้มองปรากฏการณ์ของการเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ ครั้งนี้มองเห็นบรรยากาศของฝุ่นตลบมาหลายเดือน ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ทางการเมืองที่มีความเคลื่อนไหวของทุกพรรคการเมือง เพื่อเข้าสู่โหมดของการเลือกตั้งเร็วกว่าการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา และโฟกัสของความรุนแรงอยู่ที่ภาคใต้ โดยทุกพรรคการเมืองมีเป้าหมายคือการโค่นล้มพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ครองเสียงข้างมากในภาคใต้มาหลายสมัย
ทุกพรรคการเมืองที่ต้องการโค่นล้มพรรคประชาธิปัตย์ หรือต้องการแย่งที่นั่งของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ ต่างยังเชื่อในข้อมูลเดิมๆ จากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่พรรคประชาธิปัตย์พลาดท่า ต้องเสียที่นั่งให้พรรคพลังประชารัฐถึง 13 ที่นั่ง และพรรคภูมิใจไทยอีก 8 ที่นั่ง ซึ่งผ่านมาเกือบ 4 ปี พรรคการเมืองเหล่านี้ก็ยังเชื่อว่า "ประชาธิปัตย์ยังไม่ฟื้น"
ดังนั้น ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2566 ทุกพรรคการเมืองจึงมุ่งหน้ามายังภาคใต้ เพื่อหวังโค่นล้มแชมป์ภาคใต้ คือ พรรคประชาธิปัตย์ ให้จมธรณีอีกครั้ง
หลายพรรคการเมือง โดยเฉพาะ พรรครวมไทยสร้างชาติ ใช้ยุทธวิธี ตกปลาในบ่อเพื่อน ด้วยการดึงดูดคนของประชาธิปัตย์ ทั้งที่เป็น ส.ส.ในปัจจุบัน อดีต ส.ส.ที่สอบตกในการเลือกตั้งที่ผ่านมา และสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งไปอยู่ด้วย ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ผู้นำนกหวีดและอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เคยใช้มาแล้วในการเลือกตั้งในปี 2562 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะอดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ย้ายพรรคสอบตกเรียบ
ทั้งนี้ เป้าหมายของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ที่ตั้งขึ้นมาแล้วมาไล่ตกปลาในบ่อเพื่อน ซึ่งมีอยู่ 2 บ่อใหญ่คือ บ่อประชาธิปัตย์ และบ่อพลังประชารัฐ คือการหนุน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กลับมาเป็นนายรัฐมนตรี สมัยที่ 3 เช่นเดียวกับที่ “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ และไล่ตกปลาจากบ่อประชาธิปัตย์ ที่เป็นบ้านเก่า เพื่อหนุนให้ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยที่แล้ว
และเป็นแบบเดียวกับที่นักการเมืองกลุ่มหนึ่งในอดีตที่ตั้งพรรคสามัคคีธรรม เพื่อหนุนให้ "พล.อ.สุจินดา คราประยูร" เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งทางการเมืองจะเรียกพรรคการเมืองเหล่านี้ว่าพรรคการเมืองเฉพาะกิจ เพื่อทำหน้าที่เป็นนั่งร้าน โดยไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองแต่อย่างใด
และจากการมอง “ปรากฏการณ์ของพลังดูด” ที่เกิดขึ้นกับประชาธิปัตย์ ในส่วนของภาคใต้แล้วเชื่อว่า วันนี้คลื่นลมทั้งในอ่าวไทยและอันดามันสงบลงแล้ว เลือดที่ไหลออกจากประชาธิปัตย์หยุดไหลแล้ว จำนวน ส.ส.และอดีต ส.ส. ที่เปลี่ยนพรรคจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว โดยเฉพาะอดีต ส.ส. “สุพัชรี ธรรมเพชร” ที่เป็นเครือญาติของบ้านใหญ่ใน จ.พัทลุง ที่ย้ายจากประชาธิปัตย์ ไปสร้างอาณาจักรใหม่กับรวมไทยสร้างชาติ ยังอยู่กับประชาธิปัตย์ชัวร์
เห็นด้วยกับการให้สัมภาษณ์ของ นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคและผู้ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งในครั้งนี้ว่า เลือดไหลออกของประชาธิปัตย์จบแล้ว และจะไม่มีการไหลออกเป็นระลอกที่ 2 อย่างแน่นอน และประชาธิปัตย์ไม่ได้กดดันกับการจัดทัพเพื่อการเลือกตั้งในปี 2566 แต่อย่างใด
ผู้สมัครที่จะมาทดแทน ส.ส.และอดีต ส.ส. ที่ลาออกไปอยู่พรรคอื่นมีการคัดเลือกเสร็จแล้ว ในส่วนของผู้สมัครที่มีการประกาศตัวไปแล้ว วันนี้ทุกคนลงพื้นที่ทำกิจกรรมทางการเมืองเพื่อพบปะประชาชนในเขตเลือกตั้งแล้ว เป้าหมายของ ส.ส.ภาคใต้ไม่เปลี่ยนแปลง นิพนธ์ เชื่อว่ายังจะได้ ส.ส. 40 ที่นั่งขึ้นไป
ในทัศนะของผู้เขียน เชื่อว่า วันนี้พรรคที่มีความกดดันในสมรภูมิการเลือกตั้งในปีหน้า คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะผู้สมัครเกือบทั้งหมดต่างเป็น ส.ส.และอดีต ส.ส.หน้าเก่าที่ไปตกมาจากบ่อเพื่อน ซึ่งในการลงพื้นที่ ผู้สมัครเหล่านี้ต้องทำงานหนักในการตอบคำถามของประชาชนเรื่องของการย้ายพรรค และการย้ายพรรคของ ส.ส.ต้องรับความจริงว่า คะแนนของพรรคเดิมไม่ได้ติดตาม ส.ส.ที่ย้ายพรรคไปด้วย
โดยเฉพาะปรากฏการณ์ของความล้มเหลวที่เคยเกิดขึ้นกับ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" เมื่อการเลือกตั้งในปี 2562 ที่ผ่านมา ยังเป็นปีศาจที่ตามหลอกหลอนอยู่จนถึงทุกวันนี้ และเชื่อว่า ประวัติศาสตร์ของการส่ง ส.ส.ที่ตกมาจากบ่อเพื่อนจะซ้ำรอยเดิมอีกครั้งในการเลือกตั้งครั้งนี้
วันนี้รวมไทยสร้างชาติ หวังเพียงกระแสความนิยมของคนใต้ที่มีกับ "ลุงตู่" เช่นเดียวกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่พลังประชารัฐ แย่ง ส.ส.ในภาคใต้จากประชาธิปัตย์ได้ถึง 13 ที่นั่ง ซึ่งมาจากคนใต้ที่ต้องการให้ "ลุงตู่" เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ ณ วันนี้ แม่ว่าโพลในการสำรวจแสดงความคิดเห็นของคนใต้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังมีคะแนนนิยมมาเป็นอันดับ 1 แต่ 4 ปีที่ผ่านมาในการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ แก้ปัญหาของประเทศชาติไม่ได้ ทำให้คะแนนนิยมของคนภาคใต้ที่มีต่อ "ลุงตู่" ลดลงเช่นกัน
พรรครวมไทยสร้างชาติ และลุงตู่ อย่าเชื่อว่าปลาในบ่อประชาธิปัตย์ที่ถูกดูดไป จะได้เป็น ส.ส.ทั้งหมด และต้องอย่าลืมว่า ส.ส.จากบ่อพลังประชารัฐที่รวมไทยสร้างชาติตกไปจาก "พี่ป้อม" จะได้เป็น ส.ส.
ที่สำคัญยังมี ส.ส.ของพลังประชารัฐที่ไม่ยอมย้ายบ่อ เพราะไม่มั่นใจในเรื่องขุมทรัพย์ที่ใช้ในการหาเสียง โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ “สงขลา” บางเขตที่อยู่ภายใต้ลมในปีกของ “อนุมัติ อาหมัด” อดีต ส.ว.สงขลา ที่ยังเหนียวแน่นอยู่กับลุงป้อม
และอย่าลืมว่ารวมไทยสร้างชาติไม่ได้สู้กับประชาธิปัตย์แบบ "ตัวต่อตัว" แต่ยังมีพรรคการเมืองอื่นๆ ที่ส่งผู้สมัคร ทั้งหวังได้ ส.ส.เขต และคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อ ยิ่งมีพรรคการเมืองเข้าร่วมโรมรันพันตูหลายพรรค จะยิ่งทำให้ประชาธิปัตย์ได้เปรียบ เพราะในฐานะพรรคเก่าแก่ที่มีสมาชิกพรรคอยู่แล้วจำนวนหนึ่ง ในขณะที่พรรคอื่นๆ ที่เข้ามาหวังโค่นประชาธิปัตย์ ต่างแย่งชิงคะแนนกันเองจนกลายเป็น "เบี้ยหัวแตก" ในที่สุด
เชื่อเถอะว่า ในที่สุด “รวมไทยสร้างชาติ” ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของประชาธิปัตย์ และถ้ายังใช้วิธีการ “ตกปลาในบ่อเพื่อน” เพื่อหวังได้ ส.ส.ตามจำนวนที่หวัง เพื่อจะได้เสนอชื่อบิ๊กตู่ เป็นนายกรัฐมนตรี และหากสถานการณ์ยังเป็นอยู่อย่างที่เห็น “บิ๊กตู่” ก็อาจจะต้องคิดหนักว่าจะไปเป็นหัวของรวมไทยสร้างชาติ หรือไม่ เพราะสุดท้ายแล้วรวมไทยสร้างชาติอาจจะกะเตง "บิ๊กตู่" ไปไม่ถึงดวงดาว
ณ วันนี้ “บิ๊กตู่” อาจจะนอนก่ายหน้าผาก เพื่อตัดสินใจในเส้นทางการเมืองที่เหลืออยู่ 2 ปีว่า การเลือกเส้นทางที่อยู่กับรวมไทยสร้างชาตินั้นเป็นเส้นทางที่ถูกต้องหรือไม่
ดังนั้น พรรคการเมืองที่ประชาธิปัตย์ ต้องติดตามความเคลื่อนไหวจึงไม่ใช่รวมไทยสร้างชาติ หากแต่ควรเป็นพรรคภูมิใจไทย มากกว่า เพราะเป็นพรรคที่มี ส.ส.ของตนเอง และไม่คิดตกปลาในบ่อเพื่อน และไม่โต้เถียงกับใครๆ ไม่พูดเยอะให้เจ็บคอ แต่มีความพร้อมในการ “ยิง” อย่างเต็มที่