ชาวบ้านสุดทน! โพสต์แม่พาลูกมาปล่อยให้เดินเร่ขายถั่วกลางดึก จนทะเลาะกับคนที่เข้าไปช่วยเพราะสงสารเด็ก

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวบ้านสุดทนเข้าไปช่วยเด็กชายวัยแค่ 2 ขวบกว่า ที่แม่พามาปล่อยให้เดินเร่ขายถั่วตอนดึกตามร้านอาหาร และสถานบันเทิงกลางเมืองหาดใหญ่ เพราะสงสารเด็ก โดยพยายามเข้าไปถามที่มาที่ไป แต่ฝ่ายหญิงไม่พอใจ จนมีปากเสียงกันขึ้น

ที่ จ.สงขลา มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งได้โพสต์ภาพเหตุการณ์ขณะชายคนหนึ่งกำลังมีปากเสียงกับผู้หญิงที่พาลูกมาปล่อยให้เดินเร่ขายถั่ว อยู่บริเวณปากซอยถนนราษฎร์ยินดี ซอย 7/1 เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นย่านร้านอาหาร และสถานบันเทิง

เนื่องจากชาวบ้านสงสารเด็กคนนี้ที่ต้องมาเดินเร่ขายถั่วดึกๆ ดื่นๆ แทบทุกคืน จึงทนดูไม่ได้ และเข้าสอบถามผู้หญิงคนนี้ว่าเป็นแม่ของเด็กหรือเปล่า ซึ่งผู้หญิงคนนี้ก็ตอบแบบมีอารมณ์ว่าเป็นแม่จริงๆ และที่ต้องพาลูกมาเดินขายถั่วแบบนี้เพราะไม่มีพ่อ จนการเกิดโต้เถียงกันระหว่างทั้งสองฝ่าย บางช่วงแม่พยายามขี่รถออกไป แต่ชาวบ้านก็อุ้มเด็กลงมา และถึงขั้นยื้อเด็กกัน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วง 4 ทุ่มของเมื่อคืนนี้

ล่าสุด วันนี้ (23 พ.ย.) ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปติดตามเรื่องนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยได้คุยกับ นายธารินทร์ วงค์สมิตกุล อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า หนูน้อยคนนี้มักจะมาเดินเร่ขายถั่วตามร้านอาหารในตอนดึกเป็นประจำ อายุน่าจะ 2 ขวบกว่าๆ และเมื่อคืนนี้ก็เช่นกัน แต่เห็นเด็กเดินร้องไห้มาโดยมีแม่แอบอยู่หลังรถ และถือไม้เรียวในมือ และเรียกเด็กให้กลับไป พร้อมกับกระชากแขน และตบหน้าเด็กด้วย ซึ่งชาวบ้านเห็นแล้วสงสารเด็ก จึงได้เข้าไปสอบถาม และเหตุการณ์ก็เป็นไปตามภาพที่ปรากฏในคลิป

นายธารินทร์ และชาวบ้านแถวนี้ยังบอกด้วยว่า แม่เด็กไม่น่าจะนำลูกมาปล่อยให้เดินขายถั่วแบบนี้ หรือถ้าเป็นไปได้น่าจะลงมาเดินขายกับลูกน่าจะดีกว่า เพราะเหมือนกับเป็นการบังคับลูก

เช่นเดียวกับ นางพรรณี เสณีย์ อายุ 59 ปี แม่ค้าที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า ไม่เฉพาะเด็กคนนี้เท่านั้นที่มาเดินเร่ขายถั่วตอนดึกๆ อยู่แถวนี้ แต่ยังมีเด็กอีกหลายคนที่พ่อแม่ขี่รถพามาปล่อยให้เดินเร่ขายถั่ว ส่วนตัวเองนั่งอยู่ที่รถ พอเสร็จก็พาไปเร่ขายต่อตามร้านอาหารอีกหลายแห่ง ซึ่งเห็นสภาพแล้วสงสารเด็ก เพราะต้องอดหลับอดนอน แต่ต้องถูกพ่อแม่บังคับให้มาเดินเร่ขายของแบบนี้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเด็กเหล่านี้ด้วย เพราะเห็นแล้วน่าสงสารมาก และตามไปดูสภาพครอบครัวด้วย หากลำบากจริงก็ให้การช่วยเหลือเพราะแบบนี้เท่ากับใช้แรงงานเด็ก