นราธิวาส - ครอบครัวของ “รอมลี กูโน” ได้เข้าเยี่ยมหลังถูกหน่วยความมั่นคงคุมตัวที่ ฉก.ทหารพรานที่ 46 นราธิวาส เผยไม่พบการละเมิดสิทธิแต่อย่างใด ที่คุมตัวแค่สงสัยจะเกี่ยวข้องเตรียมการก่อเหตุช่วงการประชุม APEC ด้าน จนท.สัญญาหากไม่เกี่ยวข้องจะปล่อยตัวทันที
วันนี้ (15 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีมีตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้คุมตัว นายรอมลี กูโน นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง อดีตคณะกรรมการกลุ่มนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ PNYS (ฝ่ายรองบริหาร) โดยเข้าควบคุมตัวที่บ้านพักในพื้นที่ ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส และได้พาตัวไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจดีเอ็นเอ จากนั้นจึงพาไปควบคุมตัวที่กรมทหารพรานที่ 46
ล่าสุด นายตูแวดานียา ตูแวแมแง ผู้อำนวยการสำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR) ได้นำญาติและครอบครัวของ นายรอมลี กูโน ไปยัง ฉก.ทหารพราน 46 เขาตันหยง สถานที่ควบคุมตัวเพื่อประสานขอเข้าเยี่ยม จนกระทั่งเมื่อเวลา 12.16 น. เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ญาติเข้าพบที่บริเวณศาลาอเนกประสงค์
นายตูแวดานียา ตูแวแมแง ได้เปิดเผยว่า ภาพรวมของภารกิจการเยี่ยม นายรอมลี กูโน ในฐานะผู้ต้องสงสัยของรัฐ ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้บังคับใช้กฎหมายพิเศษเข้าควบคุมตัวที่บ้านพักในพื้นที่ ต.ปะลุรู อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส แล้วมาฝากควบคุมตัวที่ ฉก.ทหารพรานที่ 46 เขาตันหยง อ.เมืองนราธิวาส เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 นั้น
ด้านการต้อนรับและอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการให้ทางผม และทางครอบครัวของน้องได้พบปะพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ อาหารการกิน ที่นอน ที่อาบน้ำ ห้องน้ำ และการสอบถามข้อมูลข้อเท็จจริงกับน้องเกี่ยวกับข้อสงสัยจากต้นทางที่เกิดขึ้นในส่วนกลางหรือเมืองหลวง ซึ่งน่าจะเป็นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลหรือไม่ ที่มีความสงสัยในตัวน้องว่าน่าจะมีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับการเตรียมการจะก่อเหตุรุนแรงสร้างสถานการณ์ที่เมืองหลวงในช่วงการประชุม APEC ในวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 นี้ ถือว่ายังไม่มีบรรยากาศหรือสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าทางเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ “ล้ำเส้นหรือละเมิด” หลักมนุษยธรรมตามมาตรฐานสากลที่ประเทศไทยมีพันธะกรณีโดยตรงกับทางสหประชาชาติ (UN) แต่อย่างใด
ส่วนการจะได้รับอิสรภาพหรือไม่ เมื่อไหร่นั้น ทางผู้มีอำนาจของรัฐให้คำมั่นสัญญาหนักแน่นว่า หากไม่พบว่า นายรอมลี กูโน มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อสงสัยดังกล่าว ทางภาครัฐจะทำการคืนอิสรภาพให้ในทันทีอย่างแน่นอน เพราะไม่อยากให้กลายเป็นปัญหา “น้ำผึ้งเพียงหยดเดียว” ทำลายนโยบายของรัฐเองที่ต้องการสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพูดคุยสันติสุข