ตรัง - คุณยายวัย 83 ปี ชาว ต.นาโยงเหนือ จ.ตรัง สุดเก่ง เย็บชุดมโนราห์และจอหนังตะลุงขาย สร้างรายได้นานนับ 10 ปีแล้ว พร้อมเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อสืบสานศิลปะการแสดงชื่อดังของภาคใต้มิให้สูญหาย
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่บ้านเลขที่ 139 หมู่ที่ 1 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง ซึ่งเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้สาขาศิลปกรรมการรำมโนราห์ และการเย็บจอหนังตะลุงไว้ถ่ายทอดสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน นางประภา เมืองนก คุณยายวัย 83 ปี อดีตนางมโนราห์ ใช้เวลาว่างปักชุดมโนราห์ และหน้าฉากหนังตะลุงที่ร้อยจากลูกปัดและด้าย รวมทั้งยังเย็บจอหนังตะลุงสีขาวส่งขายตามออเดอร์ของลูกค้า ทั้งในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง เช่น สงขลา นครศรีธรรมราช ที่หลายคนรู้จักฝีมือในการร้อยชุดมโนราห์ของคุณยายว่ามีความสวยงาม ประณีต
ทั้งนี้ คุณยายประภา เล่าอย่างภาคภูมิใจว่า ตนเองเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช สืบสายเลือดมโนราห์มาจากคุณพ่อ โดยคุณยายเริ่มรำมโนราห์ตั้งแต่อายุได้ 16 ปี จากนั้นไปอยู่กับคณะมโนราห์ประเสริฐโสภณศิลป์ จังหวัดสงขลา และเดินทางมาร่วมรำให้คณะมโนราห์ที่จังหวัดตรัง จึงได้รู้จักแต่งงานกับสามี คือ นายหนังสมคิด แชมป์ 3 สมัย นายหนังตะลุงชื่อดังชาวอำเภอนาโยง จึงได้มาอยู่ที่จังหวัดตรัง หลังจากนั้นก็เลิกรำมโนราห์เพราะต้องดูแลลูก
แต่หลังจากที่สามีคือ นายหนังสมคิด แชมป์ 3 สมัย เสียชีวิต คุณยายจึงได้หันไปรำมโนราห์อีกครั้ง แต่ต่อมาต้องเลิกรำเนื่องจากอายุมาก จึงหันมาร้อยชุดมโนราห์ หรือเครื่องทรงมโนราห์จากลูกปัด ซึ่งแต่ละชุดประกอบด้วยเครื่องทรงหลายชิ้น เช่น ผ้ายาว กางเกง หน้าผ้าข้างหน้า หัวไหล่ รอบตัว สร้อยคอ ปิ้งคอ ตะโพก หรือหางหงส์ที่เอาไปเย็บให้ติดกับเขาควาย เป็นต้น รวมทั้งยังเย็บจอหนังตะลุงสีขาว และร้อยหน้าฉากหนังตะลุงขายด้วย
โดยคุณยายประภา บอกว่า เย็บมานับ 10 ปีแล้ว โดยจะเย็บตามออเดอร์ของลูกค้าที่สั่งเข้ามาเท่านั้น จะไม่เย็บแขวนไว้ ส่วนสุขภาพคุณยาย แม้อายุจะมากแล้ว แต่สายตายังดีมาก สามารถสอดด้ายใส่เข็มและร้อยลูกปัด ซึ่งมีรูเล็กๆ ได้อย่างคล่องแคล่วด้วยตัวเอง สำหรับชุดมโนราห์ 1 ชุด เนื่องจากมีหลายชิ้น จะต้องใช้เวลาในการร้อยนานนับเดือน แต่เนื่องจากขณะนี้ราคาลูกปัดมีการปรับราคาสูงขึ้นถึงเท่าตัว จากเดิมบรรจุถุงน้ำหนัก 1 กก. ราคา 120 บาท เป็น กก.ละ 240 บาทแล้ว หรือเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งแต่ละชุดต้องใช้มากกว่า 5 ถุง เพราะต้องให้หลากสี จึงต้องปรับราคาชุดมโนราห์จากชุดละ 4,500 บาท เป็นชุด 5,500 บาท
ส่วนจอสีขาว และหน้าม่านหนังตะลุงที่ร้อยจากลูกปัด จะขายราคาขายเมตรละ 500 บาท แล้วแต่ลูกค้าจะสั่ง โดยจอหนังตะลุงมีทั้งหมด 3 ขนาด คือ ยาว 3 เมตร ยาว 5 เมตรครึ่ง และยาวเต็มพื้นที่ 7 เมตร ซึ่งจะเย็บจากผ้าขาว ใช้เวลาประมาณ 3-4 วันก็แล้วเสร็จ เช่นเดียวกับม่านหน้าจอหนังตะลุง เนื่องจากงานไม่ได้ละเอียดเท่าชุดมโนราห์ หรือเครื่องทรงมโนราห์ นอกจากนั้น ทั้งผ้ายาว หรือผ้านุ่ง ซึ่งเป็นผ้ายาวคล้ายชุดโจงกระเบน รวมทั้งผ้ายาวสำหรับการสวมใส่ในการรำทุกชิ้น คุณยายก็เย็บเองด้วย
คุณยายประภา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเด็กๆ ไม่ค่อยสนใจ แต่อยากบอกว่า ร้อยชุดมโนราห์ไม่ยาก เพียงแต่ต้องอดทน มีสมาธิ ขณะนี้ได้ถ่ายทอดการร้อยชุดมโนราห์ และการรำมโนราห์ให้หลานๆ รวมทั้งผู้ที่สนใจ เพราะมโนราห์เป็นวัฒนธรรมเก่าโบราณของชาวภาคใต้ ขอให้ลูกหลานอย่าทิ้ง ให้ช่วยกันรักษา
ด้านนายสมรัก เมืองนก ลูกชายของคุณยาย กล่าวว่า คุณแม่ร้อยชุดมโนราห์มาเป็น 10 ปีแล้ว ช่วงแรกทำให้ลูกหลานคนกันเอง จากนั้นมีคนเห็นผลงานว่าประณีตสวยงามเลยขอซื้อต่อ จากนั้นมีสั่งทำเป็นระยะๆ และได้เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ด้วย ทั้งนี้ หลังจากมโนราห์ได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกทางวัฒนธรรม มีคนมาสั่งซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในพื้นที่อำเภอนาโยง มีคนร้อยลูกปัดเป็นชุดมโนราห์อยู่ประมาณ 4 แห่ง ประกอบด้วย ตำบลนาโยงเหนือ 2 จุด ตำบลนาข้าวเสีย 1 จุด และตำบลโคกสะบ้า 1 จุด จึงพยายามช่วยกันอนุรักษ์ไว้ไม่ให้สูญหาย ซึ่งถ้ามีคนสั่งเข้ามามากๆ จะช่วยกันเย็บ พร้อมกระจายงานไปยังจุดอื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ หากผู้ใดอยากอุดหนุนชุดมโนราห์ฝีมือคุณยาย สามารถโทรศัพท์ติดต่อได้ที่ 06-5758-1143