สตูล - “พระ-แม่ชี” สำนักสงฆ์เขาเป็ดน้ำ ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล จำใจต้องทิ้งวัดหลังถูกหนุ่มจิตหลอนรังควานสร้างความหวาดกลัวไม่น้อยกว่า 50 วัน ขณะที่ญาติโยมวอนหน่วยงานรัฐเร่งช่วยเหลือ
วันนี้ (7 พ.ย.) ชาวบ้านร้องเรียนมีชายไทยอายุประมาณ 37 ปี กำลังนั่งดื่มกาแฟพลางด่าทอ และส่งเสียงเอะอะโวยวายคล้ายคนจิตหลอนภายในหอฉัน ของสำนักสงฆ์เขาเป็ดน้ำ หมู่ที่ 11 ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูล ซึ่งพฤติกรรมในลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนดังกล่าวมีอาการคล้ายคนจิตหลอนขณะมาขออาหารกินภายในวัดตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งได้มาก่อกวนสร้างความรำคาญ และหวาดกลัวไม่น้อยกว่า 50 วัน โดยในแต่ละวันขึ้นมาบนวัดแห่งนี้ไม่น้อยกว่า 2-3 รอบ
จากความเดือดร้อนล่าสุด พบว่า หลังเสร็จสิ้นงานทอดกฐิน พระภายในสำนักสงฆ์เขาเป็ดน้ำ จำนวน 5 รูป และแม่ชี 2 คน ต้องยอมทิ้งวัดไปจำวัดที่อื่นเพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย เนื่องจากสภาพกุฏิที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงและพระหลายรูปอาพาธ จำเป็นต้องทิ้งวัดไปก่อนหลังปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข แม้ชาวบ้านที่มาช่วยงานภายในวัด ผู้ใหญ่บ้าน และตำรวจต่างทราบปัญหากันดี แต่ก็เกินความสามารถเนื่องจากไม่มีญาติมารับรองในการนำส่งตัวหนุ่มจิตหลอนไปรักษา ซึ่งติดปัญหาในด้านค่าใช้จ่าย
แม่ชีจิต (ทองชุม ภูราหงส์) อายุ 78 ปี แม่ชีประจำวัดบอกว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นก่อนเข้าพรรษานานร่วม 3 เดือน ที่ชายจิตหลอนคนนี้ขึ้นลงเข้ามาภายในวัดไม่น้อยกว่า 50 ครั้ง สร้างความหวาดกลัวในชีวิตและทรัพย์สิน ขนาดพระยังอยู่ไม่ได้ แม่ชีเองก็ไม่กล้าจะมาอยู่ แต่เป็นห่วงสุนัขที่มีมากถึง 9 ตัว จะชวนญาติโยมขึ้นมาดูแลหุงหาข้าวให้ เพราะความเดือดร้อนจากคนคนเดียว ทั้งพระ แม่ชี และสุนัขเดือดร้อนไปหมด ญาติโยมที่บวชก็ไม่กล้ามาต้องย้ายวัดไปอยู่ที่อื่น
นางวาสนา สุขเทพ อายุ 49 ปี ญาติโยมที่มาช่วยวัดอยู่บ่อยครั้ง เปิดเผยว่า เหตุการณ์ล่าสุดเมื่อช่วงทอดกฐินที่ชายคนดังกล่าวขึ้นมาสร้างความรำคาญ พูดจาด่าทอ และแอบเข้าไปนอนภายในหอฉัน ยามค่ำคืนก็ก่อกวนพระด้วยการไปเคาะประตูกุฏิวัด ทั้งที่สภาพกุฏิไม่แข็งแรง พระหลายรูปอาพาธ ทำให้พระไม่สามารถจะอยู่ในวัดต่อไปได้ โดยญาติโยมไม่รู้จะทำอย่างไร แจ้งผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ วอนผู้เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยให้พระและแม่ชีกลับมาอยู่วัดเหมือนเดิมด้วย อีกทั้งเป็นห่วงทรัพย์สินภายในวัดใครจะดูแล หากคนไม่หวังดีรู้ว่าไม่มีพระหรือแม่ชีอยู่ภายในวัด
ขณะที่ นายปรามวล วิมาน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 11 ต.น้ำผุด อ.ละงู ยอมรับว่า ปัญหาเกิดขึ้นมา 2-3 เดือนแล้ว กำนัน ฝ่ายปกครองอำเภอละงู และตำรวจก็ทราบเรื่องแล้ว โดยติดที่ทางครอบครัวผู้ป่วยไม่สามารถจะส่งตัวไปรักษาได้ ติดในเรื่องของเงินเพราะมีฐานะค่อนข้างลำบาก อีกทั้งทราบว่ายาที่ได้จาก รพ.ละงู ไม่ยอมกิน และงบประมาณทางรัฐก็ไม่มี ทำให้ชาวบ้านทำได้เพียงช่วยกันดูแลกันเองเท่านี้
“โดยก่อนหน้านี้ทางวัดให้ข้าว ให้น้ำกิน ทำให้ผู้ป่วยรายนี้ขึ้นมาวัดอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดอาการเริ่มหนักขึ้น ยิ่งก่อกวนจนพระและแม่ชีไม่สามารถจะอยู่ภายในวัดได้ ซึ่งในเรื่องนี้ได้มีการพูดคุยบ่อยครั้งถึงความเดือดร้อน และเตรียมหาแนวทางในการแก้ปัญหาอยู่” ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 11 ต.น้ำผุด กล่าว