พัทลุง - เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารสายหาดใหญ่-ภูเก็ต เสียหลักตกลงร่องกลางถนนสายเพชรเกษมในพื้นที่ จ.พัทลุง ผู้โดยสาร 31 ชีวิตปลอดภัย บาดเจ็บแค่เล็กน้อย 2 ราย คนขับและกระบะคู่กรณีต่างอ้างว่า อีกฝ่ายเป็นคนเบียดจนเกิดอุบัติเหตุ
วันนี้ (24 ต.ค.) ที่ จ.พัทลุง เมื่อเวลา 14.45 น. ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุงได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารสายหาดใหญ่-ภูเก็ต เสียหลักตกร่องกลางถนนสายเพชรเกษม ช่วงหมู่ที่ 2 ตำบลท่ามิหรำ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง หลังรับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุง และรถยกพัทลุง เข้าที่เกิดเหตุเพื่อช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่พบรถทัวร์โดยสารคันดังกล่าวเสียหลักตกลงร่องกลางถนนสายเพชรเกษม ในลักษณะตะแคงข้างล้อยางแตก มีผู้โดยสารทยอยลงจากรถทัวร์ และพบว่ามีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยพัทลุงได้ช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาลพัทลุง ส่วนที่เหลือปลอดภัย
เบี้องต้น พบว่ารถทัวร์คันดังกล่าวได้เดินทางออกจากสถานีขนส่งอำเภอหาดใหญ่ เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. โดยมีนายบุญมา ขุนแก้ว อายุ 40 ปี เป็นผู้ขับรถ และผู้โดยสารนั่งมา 31 ราย นอกจากนั้น ยังมีเด็กประจำรถทัวร์พร้อมคนขับ 3 ราย รวมทั้งหมด 34 ราย คนขับรถทัวร์ กล่าวอ้างว่าขณะขับรถออกมาสักพักตามถนนสายเพชรเกษม โดยวิ่งเลนขวา และเมื่อขับรถผ่านแยกโคกกอก ได้มีรถยนต์กระบะสภาพเก่าที่วิ่งอยู่เลนซ้ายของถนนพยายามแซงขึ้นหน้ามายังเลนขวา จึงทำให้ต้องหักหลบรถยนต์กระบะคันดังกล่าว และทำให้เสียหลักตกลงร่องกลางถนน จนทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนที่เหลือขณะนี้ได้ทยอยนำผู้โดยสารขึ้นรถทัวร์อีกคันเพื่อให้ถึงจุดหมายตามเดินในเวลาประมาณ 21.00 น.
ขณะที่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สอบนายกฤษดา แก้วโคกหวาย อายุ 30 ปี คนขับรถยนต์กระบะ ให้การว่า ตนเองเป็นพ่อค้าผลไม้ เดินทางมากับภรรยาและลูกรวม 3 คน กลับจากซื้อสละ ที่บ้านแม่ขรี อำเภอตะโหมด จังหวัดพัทลุง หลังจากนั้นได้ออกเดินทางกลับบ้านพื้นที่ตำบลรามแก้ว อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อนำผลไม้กลับไปขาย แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้มีรถทัวร์ขับเบียดรถยนต์กระบะของตนเอง ที่ทำให้ยางล้อหน้าระเบิดจอดเสียหลักอยู่ข้างถนน ห่างจากรถทัวร์ประมาณ 200 เมตร ซึ่งตนยืนยันว่าขับอยู่เลนซ้ายของถนนตลอดเวลา ไม่ได้เร่งเครื่องขับแซงรถทัวร์ตามที่ถูกกล่าวอ้าง
ขณะที่ ร.ต.อ.ศุภชัย หมื่นอักษร พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง ได้เรียกคู่กรณีให้ปากคำเบื้องต้น ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบนถนนและร้านค้าในบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่ายต่อไป