ศูนย์ข่าวภูเก็ต - โชเฟอร์แท็กซี่ป้ายเขียวกร่างกลางถนน ขับรถเปิดกระจกโวยวายคนใช้รถใช้ถนน สุดท้ายเจอคนจริง-อาสาสมัครกู้ชีพถ่ายคลิปเปิดฉากปะทะคารม "กูเด็กภูเก็ต"
เมื่อเวลา 18.40 น. วานนี้ (10 ต.ค.) ขณะที่ ว่าที่ ร.ท.ภาสกร หรือใหม่ ศิริชูโชติ อาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัยและอาสาสมัครตำรวจน้ำภูเก็ต กำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปตามถนนวิชิตสงคราม ต.กะทู้ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต และจอดติดไฟแดงบริเวณสี่แยกสี่กอ ต.กะทู้ ได้พบรถเก๋งยี่โตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์เงิน ป้ายเขียว (รถรับจ้างสาธารณะ) ขับมาจอดต่อจากรถเก๋งสีขาว ไม่ทราบยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียนที่จอดติดไฟแดงอยู่ก่อนหน้านี้ จากนั้นคนขับรถเก๋งป้ายเขียวได้เปิดกระจกด้านคนขับแล้วตะโกนต่อว่ารถเก๋งที่จอดอยู่ด้านหน้า เนื่องจากรถของตัวเองจะเลี้ยวซ้ายไปยังถนนพระภูเก็ตแก้ว แต่ไม่สามารถไปได้ เนื่องจากติดรถเก๋งที่จอดอยู่ด้านหน้า ทำให้ว่าที่ ร.ท.ภาสกร ได้ตะโกนบอกคนขับรถเก๋งป้ายเขียวคันดังกล่าวว่า "พี่ครับ ใจเย็นๆ ครับ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันก็ได้ครับ" ทำให้คนขับรถเก๋งป้ายเขียวตะโกนสวนกลับมาว่า "แล้วมึงเสือกอะไรด้วย" ทำให้บรรยากาศเริ่มตึงเครียด คนขับรถเก๋งป้ายเขียวได้ตะโกนด่าทอและโต้เถียงกับว่าที่ ร.ท.ภาสกร อย่างรุนแรงและหยาบคาย
จากนั้นทั้ง 2 คนได้ขับรถตามกันมาจอดริมถนน ว่าที่ ร.ท.ภาสกร ได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายป้ายทะเบียนรถ เพื่อจะแจ้งไปยังสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต ทำให้คนขับรถเก๋งป้ายเขียวไม่พอใจด่าหยาบคาย ขณะเดียวกัน ว่าที่ ร.ท.ภาสกร ได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อมายุติเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่คนขับรถเก๋งป้ายเขียวไม่ยอมที่จะรอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท้าทายให้ไปเจอกันที่โรงพัก โดยว่าที่ ร.ท.ภาสกร พยายามอธิบายเหตุผลต่างๆ เกี่ยวกับการขับรถสาธารณะหรือขับรถบริการ ควรมีมารยาท ไม่ใช่เปิดกระจกด่าทอคนอื่นไปทั่ว จึงเกิดการโต้เถียงกันตลอดราว 1 นาทีเศษ จนคนขับรถเก๋งป้ายเขียวโต้เถียงด้วยเหตุผลสู้ไม่ไหว จึงขับรถออกจากจุดเกิดเหตุไป พร้อมกับคำพูดที่ว่า "กูเด็กภูเก็ต มึงจะทำไม" ขณะเดียวกัน ว่าที่ ร.ท.ภาสกร ได้ถ่ายคลิปเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด เพื่อช่วยกันดูแลและรักษามารยาทในการขับรถรับจ้างสาธารณะ เพราะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายในฐานะเจ้าบ้าน
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นคู่กรณีทั้งสองฝ่ายไม่ได้มาแจ้งความไว้ที่ สภ.กะทู้ และทาง พ.ต.อ.รุ่งฤทธิ์ รัตนภักดี ผกก.สภ.กะทู้ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจสอบเกตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะประสานขนส่งจังหวัด เพื่อเรียกคู่กรณีมาสอบถามตรวจสอบข้อเท็จจริง หากปรากฆเป็นความผิดในมาตรการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จะพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายนั้นต่อไปทันที