xs
xsm
sm
md
lg

สวนปาล์มหมดสัมปทานกว่า 7 หมื่นไร่ ที่กระบี่ กลายเป็นเค้กก้อนโตที่กำลังถูกรุมทึ้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระบี่ - สวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทาน 14 แปลง พื้นที่กว่า 7 หมื่นไร่ที่กระบี่ กลายเป็นเค้กก้อนโต มีความหอมหวาน กว่า 10 ปี ปัญหายังคาราคาซัง แก้ได้ไม่เบ็ดเสร็จ กำลังถูกรุมทึ้งจากผู้แสวงหาผลประโยชน์

สวนปาล์มน้ำมันของเอกชนที่ขอสัมปทานใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทำกิจการ ซึ่งบางแปลงหมดอายุสัมปทานมานานกว่า 10 ปี มีพื้นที่รวมกันโดยประมาณ 7 หมื่นกว่าไร่ จำนวน 14 แปลง ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ที่ผ่านมา สวนปาล์มเหล่านี้หลังจากหมดสัมปทาน เจ้าหน้าที่ของรัฐปล่อยปละละเลยมาตลอด โดยไม่มีการจัดการใดๆ ทั้งสิ้น และมีหลายแปลงที่เอกชนผู้ขอสัมปทานยังเข้าไปใช้ประโยชน์เก็บผลผลิตอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งชาวบ้านทราบว่ารัฐจะไม่ต่ออายุสัมปทานให้แก่เอกชนตามมติ ครม.ปี 2546


เมื่อทราบข่าวดังกล่าว ปี 2555 จึงเกิดปฏิบัติการเรียกร้องที่ดินทำกินของชาวบ้านขึ้น โดยมีการจัดตั้งกลุ่ม และแกนนำกลุ่ม ได้มีการรวมตัวมวลชน ได้นำสมาชิกเข้าตรวจสอบพื้นที่สวนปาล์มของเอกชนที่หมดสัมปทาน ซึ่งเริ่มที่การเข้าไปตรวจสอบยึดครองที่สวนปาล์ม ของห้างหุ้นส่วนจำกัด กระบี่รวมภัณฑ์ ตั้งอยู่บ้านคลองหลายเล็ก ตำบลคลองขนาน อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ เนื้อที่อนุญาตประมาณ 2,000 ไร่ หมดอายุสัมปทานเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2545 เพื่อเรียกร้องให้รัฐนำที่ดินมาจัดสรรให้แก่คนจน แต่ถูกนายทุน ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐเข้าสลายการชุมนุม ทำให้สมาชิกได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จนต้องสลายการชุมนุม และแยกย้ายกันไป

แต่ตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ปัญหาที่ดินสวนปาล์มหมดสัญญาสัมปทานยังไม่ได้รับการแก้ไข และเมื่อประมาณปี 2557 ชาวบ้านได้รวมตัวกันอีกครั้ง เข้าตรวจสอบพื้นที่สวนปาล์มของบริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มจำกัด พื้นที่ ม.4 ม.6 ม.9 และ ม.10 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง และ ม.1 ต.ห้วยยูง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ รวมเนื้อที่ประมาณ 13,000 ไร่ พบพื้นที่มีการบุกรุกแบ่งเป็นพื้นที่ 2 ลักษณะ คือ 1.บุกรุกยึดถือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติ จำนวนประมาณ 7,000 ไร่ ซึ่งกรณีนี้เป็นความผิดชัดเจน แต่พบว่าทางกรมป่าไม้ได้โอนพื้นที่ดังกล่าวให้สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ ไปดำเนินการแล้ว แต่สิ่งที่ตามมาคือ สำนักงานปฏิรูปที่ดินได้นำพื้นที่ดังกล่าวไปออกเอกสาร ส.ป.ก.4-01 ให้แก่ราษฎรที่เป็นคนงานของบริษัทฯ เป็นผู้ถือครองแทน


ต่อมาทางปฏิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ โดยนายบัณฑูร บุญนรากร ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีต่อบริษัทฯ ข้อหาบุกรุกที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน รวมเนื้อที่ 5,500 ไร่ หลังจากพบว่า ทางบริษัทฯ บุกรุกปลูกปาล์มมากว่า 20 ปี และอ้างสิทธิ ส.ป.ก.4-01 จำนวน 60 แปลง ซึ่งเป็นชื่อของลูกจ้างกับคนงานสวนปาล์มที่ถือครองเอกสาร ไม่สามารถยืนยันการทำกินในที่ดินได้ และพื้นที่สาธารณประโยชน์ และพื้นที่อื่นๆ ที่บริษัทบุกรุกเข้าไปครอบครองทำสวนปาล์ม ได้มีการนำพื้นที่ไปออกเอกสารที่ดิน โดยใช้เอกสาร ส.ค.1 ที่ไม่ตรงความเป็นจริง แต่ในที่สุด พื้นที่ดังกล่าวนำมาสู่การเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่สุด

ซึ่งนอกจากที่ดินแปลงของ บ.สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด บ.เขาพนมแพลนเตชั่นจำกัด อ.เขาขนม ปัจจุบันทางเจ้าหน้าที่ได้ยึดคืนมาทำการปฏิรูปที่ดินตามมติของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) จังหวัดกระบี่ โดยได้มีการล้มต้นปาล์ม และ เตรียมการจัดสรรที่ดินให้ชาวบ้านที่ได้ลงทะเบียนไว้กับ คทช.จังหวัดกระบี่ มีประมาณ 19,000 ราย โดยเป็นชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเมือง 3,400 ราย เขาพนม 4,000 ราย และอำเภออื่นอีก 2,000 ราย นอกจากนั้น พื้นที่อื่นยังไม่มีท่าทีว่ารัฐจะดำเนินการในรูปแบบใด


ด้านนายชูวงศ์ มณีกุล ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย กลุ่มผู้เรียกร้องที่ดินทำกินจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า การดำเนินการกับพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันที่หมดอายุสัมปทานมากว่า 20 ปี รวม 14 แปลง พื้นที่กว่า 72,000 ไร่ หลังจากกลุ่มผู้เรียกร้องที่ดินทำกินเรียกร้องให้นำที่ดินที่หมดอายุสัมปทานมาจัดสรรให้คนจน ตามมติ ครม.ปี พ.ศ.2546 แต่ผ่านมาหลายสมัยรัฐบาล การดำเนินการไม่คืบหน้า พบว่า พื้นที่ที่หมดอายุสัมปทานบางแปลงถูกขายให้กลุ่มทุน ชาวบ้านรายใหม่เข้าทำประโยชน์ โดยมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียกรับผลประโยชน์

นายชูวงศ์ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า แม้ ครม.จะมีมติไม่ต่ออนุญาตพื้นที่สัมปทานแล้ว แต่ทางจังหวัดไม่เคยดำเนินการอย่างแท้จริง รัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ได้มีการเรียกร้องที่ดินทำกินในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดกระบี่ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ทำให้ผลประโยชน์ในสวนปาล์มน้ำมันที่หมดอายุสัมปทานถูกกลุ่มทุนเข้าแสวงหาประโยชน์ และยังเอื้อให้ข้าราชการบางคนที่อาศัยช่องว่างของกฎหมายเข้าเก็บเกี่ยวผลประโยชน์


ขณะที่กลุ่มชาวบ้านเรียกร้องที่ดินทำกิน ชุมชนบางสันพัฒนา ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา ที่สร้างที่พักชั่วคราวภายในสวนปาล์มน้ำมัน ที่หมดอายุสัมปทานมาตั้งแต่ ปี 2556 ของบริษัทยูนิวานิช จำกัด เพื่อรอความหวังให้รัฐจัดสรรที่ดินทำกินให้ แต่ผ่านมากว่า 10 ปี ยังไม่คืบหน้า และยังถูกเจ้าหน้าที่เข้ารื้อทำลายบ้านพักที่สร้างอยู่ในสวนปาล์ม โดยอ้างความชอบธรรมในการทำลายที่พัก เพียงข้ออ้างในพื้นที่เกิดความรุนแรง


นายสมใจ นวลนุ่น ประธานกลุ่มบางสันพัฒนา ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการนำที่ดินมาจัดสรรให้ชาวบ้านที่ไม่มีที่ทำกิน และเชื่อว่ากรณีที่ทางเจ้าหน้าที่เข้ารื้อทำลายบ้านพักของกลุ่มของตน เกิดจากที่กลุ่มตนไม่จ่ายค่าส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐบางคนที่มาเรียกเก็บ อย่างไรก็ตาม พวกตนจะชุมนุมเรียกร้องที่ดินทำกินต่อไป จนกว่ารัฐจะนำที่ดินทั้งหมดมาจัดสรรให้คนไร้ที่ดินทำกินต่อไป


สำหรับพื้นที่ที่ทางกรมป่าไม้ อนุญาตให้เอกชนเข้าสัมปทานในพื้นที่ จ.กระบี่ รวม 14 แปลง เนื้อที่ประมาณ 78,000 ไร่ ซึ่งพบว่าทุกแปลงหมดอายุสัมปทานไม่น้อยกว่า 10 ปี ประกอบด้วย 1.นายสุนทร เจียวก๊ก เนื้อที่ 500 ไร่ 2.นายพัฒน์ ซ้ายเซ้ง เนื้อที่ 3,000 ไร่ 3.หจก.กระบี่รวมภัณฑ์ เนื้อที่ 3,000 ไร่ 4.นายประเสริฐ กิตติธรกุล เนื้อที่ 2,200 ไร่ 5.หจก.ศรีปราณี เนื้อที่ 480 ไร่ 6.นายสุบินท์ ฉายะบุระกุล เนื้อที่ 3,844 ไร่ 7.หจก.ศรีวิไลปาล์ม เนื้อที่ 3,000 ไร่ 8.บ.จิตรธวัชสวนปาล์ม จก.เนื้อที่ 33,950 ไร่ 9.บ.ฟูจูการเกษตร จก. เนื้อที่ 9,500 ไร่ 10.บ.กรานี่การเกษตร จก.เนื้อที่ 9,750 ไร่ 11.บ.เจียรวานิชน้ำมันปาล์ม จก. หรือ บมจ.ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม เนื้อที่ 20,000 ไร่ 12-13.บ.ยวนสาวการเกษตร จก. จำนวน 2 แปลงแปลงที่ 1 เนื้อที่ 3,816 ไร่ และแปลงที่ 2 เนื้อที่ 4,390 ไร่เศษ 14.นายวิศิษฐ์ วุฒิชาติวานิช เนื้อที่ 1,500 ไร่ ซึ่งจนถึงปัจจุบันพื้นที่ทุกแปลงหมดอายุสัมปทานไปแล้ว


ปัญหาสวนปาล์มน้ำมันที่หมดสัมปทานกลายเป็นปัญหาที่แก้ไม่จบ เมื่อการดำเนินการของภาครัฐล่าช้าในการนำที่ดินกลับคืนมาเป็นของรัฐ เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มนายทุนที่ยังคงปักหลักอยู่ในพื้นที่ได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งๆ ที่หมดสัญญาสัมปทานไปแล้ว อีกทั้งยังเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐบางคนเข้าไปรับผลประโยชน์จากกลุ่มนายทุน มีการจัดสรรที่ดินกันเองโดยไม่ผ่านกระบวนการใดๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย กลุ่มชาวบ้านบางส่วนเข้าไปจับจองพื้นที่เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ จนเกิดปัญหากระทบกระทั่งกันมาหลายครั้ง “สวนปาล์มน้ำมันหมดสัมปทาน” จึงกลายเป็นเค้กก้อนโตที่กำลังถูกรุมทึ้งจากคนหลายกลุ่ม




กำลังโหลดความคิดเห็น