ตรัง - เกษตรกรหันปลูกสละสายพันธุ์สุมาลี ผลไม้ขึ้นชื่อของบ้านเขาหอม ต.หนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง ขายทั้งหน้าสวนและออนไลน์ เผยมีพื้นที่แค่ 5 ไร่ แต่สามารถสร้างรายได้ให้ถึงปีละ 6 แสนบาท โอดขณะนี้เจอปัญหาปุ๋ยแพง
นางอาภรณ์ แหวนวงศ์ อายุ 44 ปี เกษตรกรชาวหมู่ 6 บ้านเขาหอม ต.หนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง ใช้พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 10 ไร่ เพื่อปลูกพืชผสมผสาน ทั้งสละสายพันธุ์สุมาลี หมาก และไม้เศรษฐกิจยืนต้นชนิดต่างๆ รวมทั้งสะตอ ทำให้พืชหลักเหล่านี้สามารถออกผลได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากมีการขุดสระน้ำเอาไว้ใช้ในยามหน้าแล้ง ทำให้พืชทุกชนิดได้รับน้ำที่เพียงพอ และมีดินอุดมสมบูรณ์ เฉพาะพื้นที่ปลูกสละ เนื้อที่โดยรวมประมาณ 5 ไร่ รวมจำนวน 150 ต้น ขณะนี้สละอายุได้ 7 ปี มีผลผลิตดกเต็มต้น จนทางเจ้าของสวนต้องปักไม้เพื่อผูกโยงทะลายไม่ให้ตกถึงพื้นดิน ส่วนที่ออกผลโคนต้นไม่สามารถจะผูกได้ จะนำกระสอบปุ๋ยมารองรับผลผลิตไว้
ทั้งนี้ มีการใส่ปุ๋ยทุกๆ 45 วัน เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของลำต้น ดอก เกสร และผล ทำให้สละที่ได้เนื้อหนา หวาน กรอบ อร่อย เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าขาประจำ ซึ่งเฉพาะในญาติพี่น้องของ นางอาภรณ์ ประมาณ 4 คน ได้มีการปลูกสละพันธุ์สุมาลีเช่นเดียวกัน รวมเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 20 ไร่ ส่งผลให้สละสายพันธุ์สุมาลี บ้านเขาหอม ต.หนองปรือ อ.รัษฎา กลายเป็นผลไม้ขึ้นชื่ออีกชนิดหนึ่งในเวลานี้ และเป็นที่ต้องการของพ่อค้าแม่ค้า
โดยนางอาภรณ์ เจ้าของสวนบอกว่า เมื่อปลูกสละอายุได้ประมาณ 2 ปี 8 เดือน ก็เริ่มออกดอก หลังจากนั้นจะสามารถผสมเกสรได้ และใช้เวลาอีกประมาณ 7-8 เดือน สามารถตัดขายได้ หลังจากนั้นจะมีรายได้ทุกวัน เพราะตนเองมีการผสมเกสรทุกวันๆ ละ 150-200 ช่อ ยกเว้นในช่วงหน้าแล้งสละอาจมีดอกน้อยลง จะผสมเกสรได้ลดลงเหลือไม่ถึงวันละ 150 ช่อ แต่สามารถเก็บผลผลิตหมุนเวียนได้ตลอดทั้งปี เฉลี่ยวันประมาณ 40-50 กิโลกรัม ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าทั้งใน จ.ตรัง และใกล้เคียง จะเดินทางมารับถึงสวน แบบมีเท่าไหร่ก็เอาหมด เพื่อนำไปขายและใช้ในงานเลี้ยงต่างๆ โดยเฉพาะงานศพที่มีความต้องการสูงมาก
ทั้งนี้ ราคาขายหน้าสวนอยู่ที่ กก.ละ 50 บาท ส่วนราคาขายปลีกอยู่ที่ กก.ละ 60-70 บาท เฉพาะของตนเองขณะนี้มีผลผลิตเดือนละกว่า 1 ตัน หรือสร้างรายได้ให้เดือนละกว่า 60,000 บาท แถมบางเดือนยังได้สูงถึง 80,000 บาท ทำให้มีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 600,000 บาท ซึ่งถือว่าดีกว่าจนเทียบกันไม่ได้กับการปลูกยางพาราในเนื้อที่เท่ากัน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของชาวสวนในขณะนี้ คือปุ๋ยมีราคาแพงมาก จากเมื่อก่อนเคยซื้อกระสอบละ 700-800 บาท แต่ต้องใส่ปุ๋ยให้สละครั้งละ 4 กระสอบ ทุกๆ 45 วัน คิดเป็นเงินครั้งละ 3,000-4,000 บาท แต่ขณะนี้ปุ๋ยมีราคาแพงขึ้นเป็นกระสอบละ 1,800-1,980 บาท ทำให้ตนเองต้องจ่ายค่าปุ๋ยเพิ่มขึ้นเป็นรอบละ 8,000 บาท ส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นกว่า 2 เท่าตัว แต่ราคาขายสละหน้าสวนยังคงอยู่ที่ กก.ละ 50 บาทเท่าเดิม เพราะห่วงคนซื้อไปขายต่อจะแบกรับภาระไม่ไหว ซึ่งสละจำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเคมี ไม่สามารถจะทดแทนด้วยปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยคอกได้ เพราะต้องบำรุงทั้งต้น ดอก เกสร และผล ให้มีรสชาติออกมาหวานอร่อย ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อสละได้ทางเฟซบุ๊ก “Arporn Wanwong” หรือโทร.09-4787-6211 และ 09-4268-2855