xs
xsm
sm
md
lg

ยิ่งใหญ่! แห่พระรอบเมืองศาลเจ้า “จุ้ยตุ่ย” ภูเก็ต ม้าทรงกว่า 2 พันคนเข้าร่วม รัฐมนตรี “พิพัฒน์” ร่วมสืบสานประเพณีถือศีลกินผัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - แห่พระรอบเมือง “อ๊ามจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง” ยิ่งใหญ่ ม้าทรงกว่า 2,200 คน ร่วมแสดงอภินิหาร รัฐมนตรี "พิพัฒน์" ร่วมขบวนแห่พระ สืบสานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต เผยตั้งแต่เปิดประเทศภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวเข้าแล้วกว่าล้านคน เดินหน้าผลักดันเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4


วันนี้ (2 ต.ค.) บรรยากาศการประกอบพิธีแห่พระรอบเมือง ในงานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2565 ซึ่งเป็นวันที่ 7 ของการจัดงานประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยวันนี้เป็นพิธีแห่พระรอบเมืองของศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ในภูเก็ต โดยขบวนแห่พระรอบเมืองในวันนี้ มีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย อดีต ส.ว.ภูเก็ต นายจิรวิทย์ ปิตกุลสถิต ประธานศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบเก้ง หน่วยงาน ภาครัฐ เอกชนร่วมขบวนแห่พระ


โดยขบวนได้ออกจากศาลตั้งแต่เช้า ไปตามถนนเส้นต่างๆ เพื่อมุ่งหน้าไปยังสะพานหิน เป็นขบวนแห่พระที่ยาวที่สุดและมีม้าทรงเข้าร่วมกว่า 2,200 กว่าคน ได้ใช้เหล็กแหลม มีดทำครัว โช้กรถจักรยานยนต์ หัวมณฑลในตำนานทิ่มแทงตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณกระพุ้งแก้มและลิ้น และยังมีการอาบน้ำมัน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการรับเคราะห์แทนผู้ถือศีลกินผัก ซึ่งตลอดเส้นทางที่ขบวนพระผ่าน มีประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติร่วมชมขบวนพระ ตั้งโต๊ะรับพระ และจุดประทัด เนืองแน่นในถนนทุกสายที่องค์พระผ่าน


ส่วนในวันพรุ่งนี้ (3 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 8 ของประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต จะเป็นขบวนแห่พระรอบเมืองของศาลเจ้ากะทู้ ซึ่งเป็นศาลเก่าแก่ที่สุด และเป็นศาลเจ้าต้นกำเนิดของประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต ขบวนแห่พระจะออกจากศาลเจ้าตั้งแต่เวลา 07.00 น. และในเวลา 19.00 น. ทางศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง จะมีพิธีโก้ยหาน (พิธีสะเดาะเคราะห์)


นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในช่วงที่จังหวัดภูเก็ตได้มีการเปิดการท่องเที่ยวและสถานการณ์เริ่มดีขึ้น ในช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะมีการเริ่มจัดกิจกรรมและงานต่างๆ อย่างประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ต ในปีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่ต่างจากเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ที่ติดขัดในเรื่องของสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งจะทำให้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี


“ผมให้ความสำคัญกับประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ต จึงได้มาร่วมพิธีแห่พระของศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย ในโอกาสครบรอบ 111 ปี เพื่อร่วมอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งยังได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็นมรดกวัฒนธรรมของชาติไทย ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 135 ตอนพิเศษ 149 ง. หน้าที่ 3 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2561 ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจของพ่อแม่พี่น้องชาวภูเก็ต”


โดยในขณะนี้จากข้อมูลตั้งแต่มีการเปิดประเทศมาใน จ.ภูเก็ต นั้นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 จนถึงปัจจุบันมีจำนวนกว่า 1,025,162 คน เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว และจากนโยบายที่ต้องเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้อัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวจากอินเดีย และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง มีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงนี้ โดยการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวภูเก็ตเริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ พิจารณาได้จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มีการเดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายนโยบายการเข้าประเทศ


ส่วนประเด็นที่จะมีการเพิ่มรายได้และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้มีรายได้เพิ่มเติมนั่นคือการนำร่องให้จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีสถานบันเทิงเปิดได้ถึงตี 4 สำหรับซอยบางลา ป่าตอง ที่จะยกเป็นพื้นที่นำร่องเปิดถึงตี 4 “บางลาโมเดล” เตรียมหารือ ศบค. ตุลาคมนี้ หากเปิดได้จะมีโอกาสสร้างเม็ดเงินเพิ่มเดือนละ 100 ล้าน


"ผมพร้อมที่จะร่วมหารือและขับเคลื่อนการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิงตามที่มีการร้องขอ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีความสุขในการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยจากข้อมูลการทำวิจัยของนิด้า และราชภัฏภูเก็ต เห็นตรงกันว่ารายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเวลา 1-3 นาฬิกา เป็นช่วงพีกที่สุด และค่อยๆลดลงจนถึง 4 นาฬิกา ซึ่งเรื่องที่ยากที่สุด คือ การแก้กฎหมาย แต่หากไม่เริ่มต้นทุกอย่างก็ไม่เกิด โดยจะเอาข้อเท็จจริงที่ได้รับทั้งหมดทั้งผลสรุปผลดีและผลเสียไปหารือกับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อหาความเป็นไปได้ต่อไป และอีกหนึ่งอีเวนต์ใหญ่ที่สำคัญนั่นคือการที่ภูเก็ตได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพ Specialised Expo 2028 หากได้รับการคัดเลือกจะทำให้เกิดเงินสะพัดกว่า 5 หมื่นล้านบาท"


ส่วนในปี 2566 ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ 20 ล้านคน การเดินทางของคนไทยเที่ยวในประเทศไทยเป็นเป้าหมายเดิมที่ 160 ล้านคน สร้างรายได้รวมอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท นับเป็นการฟื้นตัวกลับมาในสัดส่วน 80% ของปี 2562 ก่อนเกิดโรคระบาดโควิด ซึ่งถือเป็นความท้าทายของทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และจะไม่มีทางทำได้หากพี่น้องคนไทยไม่ช่วยกัน รวมพลังในการเป็นเจ้าบ้านที่ดี เป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างไรก็ไปไม่ถึง แต่มั่นใจว่าจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา การเติบโตของภาคการท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทย นับตั้งแต่ปี 2552 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนประมาณ 9.5 ล้านคน จนสูงสุดในปี 2562 ประมาณ 39.8 ล้านคน (ข้อมูลจาก ททท.)















กำลังโหลดความคิดเห็น