ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ปิดฉากแล้ว ทวงคืนที่ดิน 178 ไร่ หาดเลพัง-ลายัน จ.ภูเก็ต มูลค่ากว่าห้าหมื่นล้าน สนธิกำลังทุกหน่วยเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 4 จุด หลังครบกำหนดปิดประกาศบังคับดี เตรียมออก นสล.คุม ด้าน อบต.พร้อมดูแลฟื้นฟูเป็นสวนสาธารณะให้คนทุกคนใช้ร่วมกัน
วันนี้ (30 ก.ย.) จังหวัดภูเก็ต ร่วมด้วยดีเอสไอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่จาก 23 หน่วยงาน พร้อมเครื่องจักร ลงพื้นที่บริเวณหมู่ที่ 4, 6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่ดินแปลง 178 ไร่ ริมทะเลหาดเลพัง-ลายัน เพื่อรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของทางภาคเอกชน จำนวน 4 จุด ซึ่งประกอบไปด้วย ร้านอาหาร ร้านนวด ร้านนั่งชิล ซึ่งสร้างอยู่บนที่ดินของรัฐ หลังครบกำหนดการปิดประกาศให้จำเลยและบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ นำโดย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายบัญชา ธนูอินทร์ นายอำเภอถลาง นายวิสิทธิ์ โชคชัย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต นายปวีณ กุมาร ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดภูเก็ต นายมาโนช พันธุ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล
ซึ่งการเข้ารื้อถอนในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยสิ่งปลูกสร้างที่มีคำสั่งให้รื้อถอนส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร และส่วนเกี่ยวเนื่องในการให้บริการนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ในขณะที่มีการรื้อถอนมีผู้ดูแลอาคารและร้านอาหารบางจุดที่เข้ามาจะรื้อและขนทรัพย์สินออกจากจุดที่ทางเจ้าหน้าที่จะรื้อถอน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้อนุญาตให้ขนสิ่งของออกไปได้ ส่วนจุดใดที่ไม่มีผู้มาแสดงตัวทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องจักรเข้าไปรื้อถอนทันที
นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้บูรณาการกำลังจากจากทุกภาคส่วนเข้ามาดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่สร้างอยู่ในที่ของรัฐ เป็นการร่วมกับยึดคืนที่ดินของรัฐ จำนวน 178 ไร่ มูลค่าในปัจจุบันน่าจะอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท ให้กลับมาเป็นของคนภูเก็ต เป็นของประเทศ โดยการรื้อถอนในวันนี้เป็นการรื้อ 4 แปลงที่เสร็จสิ้นกระบวนการในชั้นศาล และสำนักงานบังคับคดีได้ออกคำสั่งบังคับเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมากที่สามารถยึดคืนที่ดินดังกล่าวกลับมาให้คนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช้ใครคนหนึ่งคนใดจะยึดครอง และใช้ประโยชน์โดยมิชอบ
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินการทั้งแปลงนั้น ขณะนี้ในส่วนของดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษทั้งหมดแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีบางแปลงที่ยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีและการร้องค้านกันอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการบุกรุกเพิ่มจะต้องมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม สำหรับจุดนี้ถ้ามีการรื้อออกไป ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาดูแลบูรณาการปรับปรุงพื้นที่ให้กลับเข้าสู่สภาพเดิมก่อน ซึ่งเราจะได้เห็นหาดทราย ชายทะเลที่สวยงามไร้สิ่งปลูกสร้างอีกครั้ง
ขณะที่นายบัญชา ธนูอินทร์ นายอำเภอถลาง กล่าวว่า การเข้ารื้อถอนในครั้งนี้ได้มีการสนธิกำลังจากหน่วยงานต่างๆ 23 หน่วยงาน มีทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเข้ารื้อถอนจำนวน 4 จุดด้วยกัน ซึ่งเป็นจุดที่คดีสิ้นสุดและมีหมายบังคับคดีแล้ว ขณะอีกส่วนที่มีการสร้างในพื้นที่ 178 ไร่ ทางนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้หมดแล้ว หากผลคดีออกมาจะดำเนินการต่อไป ส่วนคนที่จะเข้าใหม่จะมีความผิดฐานบุกรุก หรือมีความผิดฐาน พ.ร.บ.ป่าไม้ ซึ่งขณะนี้ทาง อบต.ได้แจ้งความไปแล้ว 2 ราย และศาลสั่งพิพากษาจำคุกไปแล้ว
นายอำเภอถลาง ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดูแลพื้นที่ที่สามารถทวงคืนมาได้ในครั้งนี้ จะมีการหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนในการดูแลพื้นที่ว่าจะดูแลกันอย่างไร ในเบื้องต้น จะต้องจัดเจ้าหน้าที่มาดูแลพื้นที่เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน ส่วนทางด้านกฎหมายขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หรือ นสล.
ขณะที่นายวิสิทธิ์ โชคชัย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการขึ้นทะเบียนที่ดินแปลง 178 ไร่ เพื่อออกเป็นหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงนั้น ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
ขณะที่นายมาโนช พันธุ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล กล่าวว่า สำหรับที่ดินแปลง 178 ไร่ เป็นที่ดินที่มีปัญหากันมาอย่างยาวนาน และมีการต่อสู้กันมาในชั้นศาลเป็นเวลาหลายปี ณ วันนี้ที่ดินแปลงนี้ได้กลับมาให้ประชาชนแล้ว ซึ่งในส่วนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการหารือกันมาอย่างต่อเนื่องในการที่จะดูแลที่ดินแปลงนี้ให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด คาดว่าจะรื้อเสร็จภายใน 15 วัน
โดยในช่วงแรกหลังรื้อถอนจะเข้าไปเคลียร์พื้นที่ และฟื้นฟูสภาพพื้นที่ให้กลับมาสมบูรณ์โดยเร็ว และกลับมาอยู่ในสภาพเดิมมากที่สุด ซึ่งในส่วนของ อบต. มีความพร้อมในเรื่องของงบประมาณที่จะสนับสนุนในการปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะปรับเป็นสวนสาธารณะ คาดว่าน่าจะใช้งบประมาณดำเนินการประมาณ 90 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นงบพัฒนาต่อเนื่อง มีทั้งการปลูกต้นไม้ จุดออกกำลังกาย และอื่นๆ รวมทั้งปรับพื้นที่ปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่ให้เดินทางมาท่องเที่ยวที่หาดเลพัง-ลายันต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าวมีการต่อสู้กันมายาวนานกว่า 30 ปี ระหว่างหน่วยงานของรัฐ และผู้บุกรุก และมีการต่อสู้กันในชั้นศาลยาวนานกว่า 10 ปี จนกระทั่งวันนี้ การทวงคืนที่ดินดังกล่าวให้กลับมาเป็นที่ดินของรัฐได้ปิดฉากลงแล้ว เมื่อศาลได้ตัดสินให้คดีถึงที่สุด มีการบังคับคดี และดำเนินการรื้อถอน ถือว่ามอบของขวัญให้คนภูเก็ต และ คนไทยทั้งชาติ ได้ที่ดินบริเวณชายหาด 178 ไร่ คืนกลับมาให้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน