ปัตตานี - ระทึกอ่าวปัตตานี! ชาวประมงนำเรือกราดหอยแครงกว่า 80 ลำ ล้อมเรือเจ้าหน้าที่ประมงปัตตานี หลังโดดเข้าขวางห้ามใช้เครื่องยนต์ในการคราดหอยแครง
จากกรณีมีพันธุ์หอยแครงเกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งรอบอ่าวปัตตานีเป็นจำนวนมากในรอบหลายสิบปี ทำให้ชาวประมงแตกตื่นแห่กันนำคราดติดพ่วงกับเครื่องยนต์ มาคราดพันธุ์หอยนำไปขายให้พ่อค้า เพื่อส่งจำหน่ายต่อฟาร์มหอยแครงในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน เนื่องจากพันธุ์หอยแครงอ่าวปัตตานีเป็นที่ต้องการ จึงทำให้ชาวประมงกลุ่มทำประมงเชิงอนุรักษ์เป็นห่วงต่อทรัพยากรในอ่าว โดยเฉพาะพันธุ์หอยแครงที่เกิดขึ้น อาจเป็นส่วนหนึ่งของการทำประมงเชิงอนุรักษ์ที่มีกระจัดกระจายรอบอ่าว จำนวน 5 แห่งด้วยกัน จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่รับผิดชอบเข้ามาดำเนินการแก้ไข ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลังจากจังหวัดปัตตานี สามารถประกาศอ่าวปัตตานีเป็นอ่าวสาธารณะอย่างเป็นทางการ ยกเลิกไม่อนุญาตให้ผู้ประกอบการใดใช้เป็นที่เลี้ยงหอยแครงเหมือนในอดีตอีกต่อไป ทางจังหวัดปัตตานีได้จัดสรรงบประมาณทุกปีเพื่อจัดหาพันธุ์หอยแครงนำมาปล่อยในอ่าว เพื่อเพิ่มทรัพยากรหอยในอ่าวให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ดังชื่อเสียงที่โด่งดังถึงรสชาติหอยแครงปัตตานี
โดยให้คณะกรรมการกลุ่มทำประมงเชิงอนุรักษ์จัดยามเฝ้าเวร จนกว่าหอยแครงจะโตตามขนาดของตลาดต้องการ เช่น ขนาด 30-40 ตัวต่อกิโลกรัม จะอนุญาตให้ชาวประมง และชาวบ้านงมจับขึ้นจากอ่าวเพื่อบริโภค ห้ามใช้วิธีการคราดหอยเด็ดขาด ทำให้มีพันธุ์หอยแครงที่หลุดจากการงมของชาวบ้านด้วยมือเปล่า นับปีจะมีมากขึ้น มีขนาดใหญ่จนกลายเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ในอ่าวมากขึ้น ใช้เวลารวม 10 ปีให้หลัง สิ่งที่เกิดขึ้นพันธุ์หอยแครงเกิดขึ้นตลอดชายฝั่งของอ่าวปัตตานีอย่างเห็นได้ชัด โดยที่เราไม่ต้องจัดงบประมาณมาซื้อเพื่อมาปล่อย แต่ที่เสียดาย ชาวบ้านชาวประมงบางคนยังคงนิยมทำประมงลักษณะใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมาย และเป็นเครื่องที่ทำลายล้างสูง โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง และศีลธรรมในการดำรงชีวิต และการทำประมงร่วมกัน คิดแต่ผลประโยชน์ให้ได้เยอะไว้ก่อน
ล่าสุด เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 จังหวัดปัตตานี ได้นำเรือไฟเบอร์ตรวจการณ์ จำนวน 2 ลำ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามประมงทะเลจังหวัดปัตตานี ได้นำเรือยาง 1 ลำ ร่วมปฏิบัติการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีการลักลอบใช้เครื่องยนต์คราดลูกพันธุ์หอยแครง บริเวณชายฝั่งบ้านดาโต๊ะ บ้านตะโล๊ะสะมีแล และบริเวณบ้านบูดี เมื่อเรือเจ้าหน้าเข้ามาบริเวณดังกล่าว พบว่ามีการลักลอบคราดหอยจริง จึงมุ่งหน้าเดินเรือเข้าใกล้เพื่อเข้าห้ามปราม และตักเตือนในขั้นตอนแรก แต่เมื่อเห็นเรือเจ้าหน้าที่เดินเรือเข้ามา ต่างคนต่างหลบหนีไปตามเคย แต่เนื่องจากสภาพอ่าวมีความตื้นเขิน จึงสุ่มเสี่ยงที่อาจทำให้เรือติดได้ จึงไม่ไล่ตาม ทางเจ้าหน้าที่เลือกตั้งสแตนด์บายความพร้อมเพื่อเฝ้าระวัง จนกระทั่งเรือประมงคราดหอยเริ่มทยอยเดินเรือเข้ามาประชิดกับเรือของเจ้าหน้าที่ในลักษณะล้อมเจ้าหน้าที่ พร้อมส่งเสียงดังเอะอะ กล่าวหาเจ้าหน้าที่รังแกประชาชน เจ้าหน้าที่พยายามสงบตั้งสติสงบอารมณ์ แล้วชี้แจงข้อกฎหมายบ้านเมือง กรณีการทำประมงใช้คราดติดพ่วงกับเครื่องยนต์ มาคราดหอยนั้นผิดกฎหมาย มีโทษปรับหลักแสนบาท จึงอยากให้ชาวประมงเหล่านี้เปลี่ยนจากใช้คราดติดพ่วงเครื่องยนต์ มาใช้งมด้วยมือหรืออาจจะใช้คราด แต่คราดด้วยมือเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไรชาวประมงเหล่านี้ยังอ้างเหตุผลสารพัดเพื่อที่จะยังคงใช้เครื่องยนต์คราดเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่ได้พยายามชี้แจงข้อกฎหมาย และเรียกร้องให้สลายตัว ต้องไม่ใช้คราดติดพ่วงกับเครื่องยนต์ ต่อจากนั้นทุกคนยอมสลาย ทางเจ้าหน้าที่ได้เดินเรือกลับไปที่สำนักงาน จนกระทั่งเมื่อกลับมาถึงสำนักงาน ได้มีเสียงแจ้งมาจากชาวบ้านว่ากลุ่มประมงคราดหอยแครงดังกล่าวออกมาใช้คราดติดพ่วงเครื่องยนต์คราดลูกพันธุ์หอยแครงเหมือนเดิม
ส่วนมาตรการต่อไปหลังจากนี้ได้มีการหารือกับประมงจังหวัดปัตตานีแล้วว่า ถ้าชาวประมงเหล่านี้ยังคงใช้คราดติดพ่วงกับเครื่องยนต์ มาคราดลูกพันธุ์หอยแครงกันต่อไปจะต้องมีการบันทึกกล้องให้หมด เพื่อดำเนินการแจ้งกล่าวโทษตามกฎหมายบ้านเมืองต่อไป จึงอยากฝากพี่น้องประชาชนที่ลักลอบทำประมงคราดหอยแครงด้วยคราดติดพ่วงกับเครื่องยนต์ หลังจากนี้เจ้าหน้าที่คงต้องบันทึกภาพเพื่อดำเนินคดีต่อไป ซึ่งมีโทษปรับสูงถึงหลักแสนบาท และยึดอุปกรณ์เครื่องมือการทำประมงโดยไม่มีข้อยกเว้น จึงอยากให้กลุ่มชาวประมงเหล่านี้เปลี่ยนวิธีการจับหอยแครงลักษณะแบบงมกับมือ เลือกจับตัวโตเต็มวัยซึ่งมีราคาสูง เหมือนชาวประมงในพื้นที่รอบอ่าวที่ยังยึดการงมหอยแครงยึดเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้ เขาเหล่านี้จะมีหอยให้งมจับมากขึ้น ถ้าเราไม่ใช้คราดลูกพันธุ์หอยเหมือนที่กำลังลักลอบคราดกันอยู่ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งปัตตานีกล่าว


