xs
xsm
sm
md
lg

ชาวสวนน้ำตาตก! ราคาปาล์มลดเหลือ กก.ละ 4 บาทกว่า สวนทางค่าปุ๋ยที่พุ่งขึ้นรายวัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตรัง - ชาวสวนปาล์มน้ำตาตก ราคาดิ่งลงเหลือ กก.ละ 4 บาทกว่า สวนทางค่าปุ๋ยที่พุ่งขึ้นรายวัน แถมยังถูกบางโรงงานปฏิเสธการรับซื้อ โดยมีข้ออ้างต่างๆ นานา หรือปล่อยให้รอคิวเป็นเวลานาน ทำให้เดือดร้อนอย่างหนัก

นายวารินทร์ สุวรรณรัตน์ อายุ 68 ปี เกษตรการชาวสวนปาล์มน้ำมัน ต.ท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง กล่าวว่า ขณะนี้เดือดร้อนหนักจากปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ เพราะเหลือแค่ กก.ละ 4.90-5.20 บาท ซึ่งไม่คุ้มทุนอย่างมาก ขณะที่ปุ๋ยราคายังสูง ยังไม่ได้ลดต่ำลงมา จากเดิมกระสอบละ 700-800 บาท แต่ขณะนี้พุ่งขึ้นเป็นกระสอบละเกือบ 2,000 บาทแล้ว โดยตนเองขายปาล์มน้ำมันได้ 3,000 บาท แต่ต้องไปซื้อปุ๋ยกว่า 10,000 บาท ซึ่งเกษตรกรจำเป็นจะต้องใส่บำรุงต้น บำรุงลูกทุกๆ 4 เดือน หากไม่ใส่ผลผลิตก็ไม่ออก พร้อมเรียกร้องไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเกษตรกรโดยตรง แต่ปล่อยให้ปุ๋ยราคาแพงขึ้น โดยไม่มีทีท่าจะหยุด สวนทางกับราคาปาล์มน้ำมันที่ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าของสวนบางรายไม่ได้ใส่ปุ๋ย เพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว แต่ปาล์มน้ำมันหากไม่ได้ใส่ปุ๋ยจะไม่มีผลผลิต ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนอย่างหนัก

ด้านนางอภิญญา วงศ์วิวัฒน์ เจ้าของลานเทวงศ์วิวัฒน์ ต.ท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันต่ำลงมาอย่างมากตลอดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จนขณะนี้เหลือ กก.ละ 4 บาทกว่าๆ ถึง 5 บาทกว่าๆ แล้วเท่านั้น แถมปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันที่ได้ก็ไม่มาก อยู่ในระดับกลางๆ แต่ราคากลับตก เดือดร้อนทั้งเกษตรกร และเจ้าของลานเท โดยเฉพาะเกษตรกรต้องซื้อปุ๋ยในราคาที่แพงมากกระสอบละเกือบ 2,000 บาท ซึ่งราคาปาล์มน้ำมันที่ กก.ละ 5 บาท ขณะที่ปุ๋ยราคาแพงขึ้นๆ นั้นถือว่าเกษตรกรขาดทุน เพราะปัจจัยการผลิตต้นทุนสูงมาก แต่ถ้าจะให้เกษตรกรอยู่ได้ ราคาปาล์มน้ำมันจะต้องอยู่ที่ กก.ละ 6-7 บาท เพราะปาล์มต้องใส่ปุ๋ย ถ้าไม่ใส่ปุ๋ยก็ไม่มีลูก แต่ถ้ารัฐบาลช่วยลดต้นทุนราคาปุ๋ยให้ลงมาที่กระสอบละ 1,000 บาท เกษตรกรพออยู่ได้ ส่วนสาเหตุที่ราคาปาล์มน้ำมันตกนั้นไม่ทราบแน่ชัด แต่ทางโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มบอกว่า เนื่องจากช่วงนี้ อินโดนีเซีย และมาเลเซียมีปาล์มน้ำมันออกมามาก จึงทำให้ราคาน้ำมัน CPO ของโลกลดลง เพราะราคาปาล์มน้ำมันในประเทศไทยขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน CPO ในตลาดโลก ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีปาล์มน้ำมันออกน้อย แต่ก็ส่งผลมาถึงด้วย ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันลดลง


ขณะที่บางโรงงานเองแม้จะไม่ได้ปฏิเสธการรับซื้อปาล์มน้ำมันโดยตรง เพราะผิดกฎหมาย แต่สารพัดจะมีข้ออ้างที่จะปฏิเสธการซื้อ เช่น ปิดปรับปรุงโรงงานบ้าง สลับกันหยุดบ้าง กล่าวอ้างว่าเครื่องจักรเสียบ้าง รถตักเสียบ้าง หยุดเดินเครื่องบ้าง ซ่อมแซมเครื่องจักรบ้าง หรือเมื่อนำไปขายก็ปล่อยให้เกษตรกรต้องจอดรอเป็นเวลานาน ทำให้รถบรรทุกปาล์มน้ำมันต้องจอดตากแดด ส่งผลให้สูญเสียน้ำหนัก หรือบางโรงงานจะซื้อแต่เฉพาะลูกค้าประจำของตัวเอง จนบางวันตนเองต้องบรรทุกปาล์มน้ำมันส่งไปขายที่โรงงานยัง จ.กระบี่ ยิ่งทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นอีก ทำให้เดือดร้อนอย่างมากทั้งชาวสวน และเจ้าของลานเท เพราะปาล์มน้ำมันหากผลสุก เกษตรกรต้องตัด เพราะหากไม่ตัดก็ร่วงหล่นคาต้น ไม่เหมือนกับยางพารา ไม่ตัดน้ำยางยังคงอยู่ จึงเรียกร้องรัฐให้เร่งแก้ปัญหาในเรื่องราคา หรือช่วยปรับลดราคาปุ๋ย และปัจจัยการผลิตให้ต่ำลง เพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ รวมทั้งเข้ามาดูข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น และบอกเกษตรกรว่าทำไมราคาปาล์มน้ำมันจึงตกลงเหลือ กก.ละ 4 บาทกว่า ทั้งๆ ที่ช่วงนี้มีปริมาณผลผลิตไม่มาก

ล่าสุด ที่สำนักงานพรรคพลังประชารัฐ จังหวัดตรัง นายชัยวัฒน์ โภคาวัฒนา นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง พร้อมด้วยตัวแทนเกษตรกร เข้ายื่นหนังสือต่อ นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบ เพื่อยื่นข้อเรียกร้องไปถึงประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และถึงประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบ จำนวน 5 ข้อ ประกอบด้วย


[1] ให้เร่งแก้ปัญหาปุ๋ยแพง หลังเกษตรกรต้องเผชิญกับปัญหาปุ๋ยแพงขึ้น 120-130% ทำต้นทุนการผลิตปาล์มน้ำมันพุ่งสูงถึง กก.ละ 6 บาท ขณะที่ราคาปาล์มตกต่ำสุดในรอบ 2 ปี เหลือ กก.ละ 4.80-5.00 บาท ไม่สอดคล้องกับราคาปุ๋ย [2] ให้ติดตามเรื่องราคาผลปาล์ม และการออก พ.ร.บ.โครงสร้างราคาปาล์มน้ำมัน เพราะแนวโน้มราคายังลดลงต่อเนื่อง ไม่สอดคล้องกับราคาในตลาดโลก และประเทศเพื่อนบ้าน โดยขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันของมาเลเซียอยู่ที่ กก.ละ 5.70 บาท [3] ขอให้เร่งตรวจสอบการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ เนื่องจากขณะนี้สต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศสูงถึง 300,000 ตัน จากเดิมสต๊อกมีประมาณ 200,000 ตัน ไม่สอดคล้องกับการบริโภคภายในประเทศ [4] ขอให้ทบทวนโครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมันที่ รมว.พาณิชย์ ประกาศอยู่ที่ กก.ละ 4 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าทุนที่ขณะนี้พุ่งไปถึง กก.ละ 6 บาทแล้ว เหตุจากปัจจัยการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาปุ๋ย และ [5] ขอให้รัฐบาลเร่งปัดฝุ่นนำโครงการน้ำมันบี 10 มาใช้ เพื่อส่งเสริมการใช้ปาล์มน้ำมันภายในประเทศ

ทั้งนี้ นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบ กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรได้ยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหาราคาปุ๋ยแพง ซึ่งปรับขึ้นไปถึง 120-130% จากเดิมกระสอบละ 700-800 บาท ขึ้นไปถึง 1,700-1,800 บาท ทำให้ต้นทุนของปาล์มน้ำมันเพิ่มไปอยู่ กก.ละ 6 บาท รวมทั้งให้ช่วยดูแลเรื่องราคาปาล์มน้ำมัน โดยล่าสุดอยู่ที่ กก.ละ 4.80 บาทเท่านั้น ซึ่งไม่สอดคล้องกับราคาปุ๋ยที่แพงขึ้น พร้อมกับเสนอให้ผลักดันนำน้ำมันปาล์มไปทำน้ำมันบี 10 อีกครั้ง หลังจากที่ยุติไปก่อนหน้า เนื่องจากช่วงนี้ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำลงมาอย่างมากแล้ว รวมทั้งให้ช่วยตรวจสอบว่ามีการลักลอบนำน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศเข้ามาหรือไม่ โดยตนเองจะนำข้อเสนอปัญหานี้ไปยังประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ และประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาศึกษาราคาปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งตนเองเป็นกรรมการวิสามัญฯ อยู่ด้วย โดยจะนำเข้าสู่ที่ประชุมในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ช่วยหาวิธีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันโดยด่วน


ทางด้าน นายชัยวัฒน์ โภคาวัฒนา นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันลดลงเรื่อยๆ จากที่เคยขยับขึ้นไปถึง กก.ละกว่า 10 บาท ได้ลดลงมาเหลือ 4 บาทกว่าเท่านั้น ทำให้เกษตรกรในไทยเดือดร้อนอย่างมาก เพราะค่าปุ๋ยได้ขยับราคาสูงขึ้นไป 120-130% แล้ว ซึ่งพืชปาล์มน้ำมันต้องใช้ปุ๋ยเป็นหลัก คิดเป็น 45-50% ของต้นทุน ทำเกษตรกรบางรายยอมไม่ใส่ปุ๋ยเลย หรือใส่ลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลกระทบไปในอีก 1-2 ปีข้างหน้า เพราะผลผลิตจะลดลง และเกษตรกรจะมีรายได้ลดลงตาม ขณะที่ราคาประกันที่กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศออกมาล่าสุดโดยกำหนดไว้ที่ กก.ละ 4 บาทนั้น คงเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ทุกอย่างขึ้นหมดแล้ว ทั้งค่าปุ๋ย ค่าแรง และค่าจัดการต่างๆ ฉะนั้น ราคาประกันจึงควรอยู่ที่ กก.ละ 6 บาท เพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกอย่างเช่นนี้ และใน 2 เดือนข้างหน้าผลผลิตปาล์มน้ำมันจะยิ่งออกมาเพิ่มขึ้น เนื่องจากปีนี้ฝนตกชุกมาก ซึ่งหากรัฐบาลไม่เร่งเข้ามาดูแล ราคาปาล์มน้ำมันจะยิ่งตกลงไปเหลือไม่ถึง กก.ละ 4 บาท อย่างแน่นอน

นอกจากนั้น ยังเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยกวดขันการลักลอบนำน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศเข้ามา เพราะยังมีอยู่ สังเกตได้จากสต๊อกน้ำมันปาล์มของไทยอยู่สูงผิดปกติ คือประมาณ 3 แสนตัน ทั้งที่ควรอยู่ที่ 2 แสนตัน ขณะที่ในต่างประเทศขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันอยู่ที่ กก.ละ 5.70 บาท หรือมีราคาสูงกว่าไทยถึง 1 บาท ซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รวมทั้งยังสนับสนุนให้ทำน้ำมันบี 10 มากขึ้น เพื่อช่วยลดสต๊อกน้ำมันปาล์มของไทย เพราะตอนนี้มีแค่น้ำมันบี 7 เท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น