xs
xsm
sm
md
lg

สุดยอดกาแฟต้องยกให้ “กาแฟลุงไข่” จ.ชุมพร คนรุ่นลูกเดินหน้าพัฒนา จนคว้า “สุดยอดกาแฟไทย”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชุมพร - สุดดยอดกาแฟไทยต้องยกให้ “กาแฟลุงไข่” จังหวัดชุมพร ต่อยอดพัฒนาคุณภาพจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก คว้ารางวัล “สุดยอดกาแฟไทย” จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ


จังหวัดชุมพร นับว่าเป็นแหล่งปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าที่มากที่สุดในประเทศไทย และ เป็นกาแฟที่มีคุณภาพสูง เพราะพื้นที่ปลูกเป็นพื้นที่ราบมีความสูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน 700 เมตร และมีระดับอุณหภูมิตั้งแต่ 20-30 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นลักษณะภูมิประเทศที่เหมาะสมกับการปลูกกาแฟโรบัสต้ามากที่สุด ทำให้ได้กาแฟโรบัสต้าชุมพร มีความเข้มของรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ส่งขายให้ผู้ประกอบการและผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูปชั้นนำในประเทศหลายยี่ห้อ รวมทั้งการส่งออกไปจำหน่ายในหลายประเทศ


ปัจจุบัน จังหวัดชุมพรมีผู้ประกอบการในท้องถิ่นผลิตกาแฟคั่ว กาแฟสด กาแฟผง กาแฟสำเร็จรูปแบรนด์ต่างๆ มากกว่า 20 ยี่ห้อ มีหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้ให้การสนับสนุนส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้จนสามารถต่อยอดพัฒนาคุณภาพกาแฟออกสู่ตลาดสากลไม่แพ้ยี่ห้อดังระดับโลก


และสุดยอดกาแฟชุมพรที่ไม่ควรมองข้ามและมีการต่อยอดพัฒนามาตั้งแต่รุ่นพ่อจนมาถึงรุ่นลูกต้องยกให้ “กาแฟลุงไข่” ที่นายธนาสิทธิ์ สอนสุภา อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 6 ต.หินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ผู้สืบทอดอาชีพปลูกกาแฟและผลิตกาแฟสาร กาแฟคั่ว กาแฟสด เจ้าของแบรนด์ “กาแฟลุงไข่” ได้มีการต่อยอดพัฒนาจนเมื่อปีที่ผ่านมาได้รับรางวัลสุดยอดกาแฟไทย จากโครงการประชาสัมพันธ์สุดยอดกาแฟไทย ประจำปี 2564


นายธนาสิทธิ์ เล่าว่า เดิมทีพ่อปลูกกาแฟมาตั้งแต่ปี 2502 เป็นสวนกาแฟโรบัสต้าดั้งเดิมในอำเภอท่าแซะ เป็นการปลูกกาแฟริมรั้ว จากนั้นขยับขยายมาปลูกในพื้นที่ 30 ไร่ ต่อมาเจอวิกฤตช่วงราคากาแฟตกต่ำ จึงปรับเปลี่ยนพื้นที่มาแบ่งปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน ปัจจุบันเหลือพื้นที่ปลูกกาแฟซึ่งเป็นกาแฟอินทรีย์ จำนวน 10 ไร่ ปลูกในรูปแบบสวนผสม มีทั้งทุเรียน ลองกอง ขนุน เงาะ


“ปัจจุบันตนได้สืบทอดอาชีพมาจากคุณพ่อที่อายุมากแล้ว พร้อมพัฒนามาเป็นการปลูกกาแฟในสวนผสมระบบอินทรีย์ได้กว่า 7 ปี มีกาแฟปลูกอยู่ในสวนประมาณ 750 ต้น โดยอาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติเป็นหลัก เนื่องจากเป็นสวนผสม หน้าดินค่อนข้างสมบูรณ์ดีมาก บางช่วงอาจมีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยที่หมักเองให้กาแฟบ้าง ส่วนโรคและแมลงนั้นไม่ค่อยพบปัญหาอะไร”


นายธนาสิทธิ์ ลูกชายของลุงไข่ผู้สืบทอดสานงานต่อจากพ่อ เล่าต่อว่า ในการปลูกกาแฟ เราต้องทำกาแฟให้มีคุณภาพที่เราสามารถกำหนดราคาเองได้ ไม่ต้องมารอให้พ่อค้ากำหนดราคา สำหรับกาแฟสวนลุงไข่ เป็นกาแฟโรบัสต้า สายพันธุ์ดั้งเดิม เลือกเก็บผลกาแฟที่สุกแดงเฉพาะในตอนเช้าเท่านั้น จากนั้นนำมาผ่านกระบวนการลอยน้ำและล้างทำความสะอาด โดยนำเอาเครื่องซักผ้ามาใช้ในการปั่นเมล็ดกาแฟเพื่อให้ล้างน้ำสะอาด 3 ครั้ง และนำกาแฟมาสลัดน้ำให้แห้ง ก่อนเข้าสู่กระบวนการบ่มจนให้กาแฟทุกเมล็ดสุกเท่ากัน แล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท


จากนั้นเก็บบ่มให้แห้งอีกอย่างน้อย 8 เดือน แล้วนำเมล็ดมาสี และต้องคัดเลือดเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพทุกเมล็ดเพื่อนำมาคั่วจำหน่ายเป็นกาแฟสด หรืออีกกระบวนการคือเมื่อปั่นทำความสะอาดแล้วจะนำเมล็ดกาแฟมาเข้าเครื่องสีสด ซึ่งจะได้กาแฟกะลา จากนั้นนำไปตากแห้ง วิธีนี้จะช่วยให้ระยะเวลาในการตากน้อยลงเพราะกาแฟจะแห้งเร็ว


การทำกาแฟให้แห้ง หรือการตากกาแฟ ทางสวนลุงไข่ให้ความสำคัญมาก เพราะการตากสามารถเพิ่มรสชาติและกลิ่นของกาแฟได้ แสงแดดมีความสำคัญอย่างยิ่งในการตากเพราะเป็นพลังงานธรรมชาติที่ให้พลังงานความร้อนที่ดีที่สุด และเป็นพลังงานที่เราไม่ต้องไปซื้อ เมื่อผลกาแฟได้รับแสงแดดในปริมาณที่พอดี กาแฟจะมีกลิ่นหอมคล้ายผลไม้สุก ซึ่งอาจจะพูดได้ว่าการผลิตกาแฟต้องใส่ใจทุกขั้นตอน

ปัจจุบัน กาแฟสวนลุงไข่ได้ขยายตัวให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น โดยได้จัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมาประมาณ 2 ปี มีสมาชิก 25 คน สมาชิกจะเก็บเอาเมล็ดกาแฟสดที่สุกแดงนำมาส่งเพื่อเข้าสู่กระบวนการ ก่อนที่จะตากจนแห้งและคั่วขาย เนื่องจากกระบวนการต่างๆ ค่อนข้างจะยุ่งยาก ต้องพิถีพิถันอย่างมาก เพราะหากเราไม่รักษาคุณภาพไว้ ลูกค้าที่ซื้อไปจะไม่เชื่อถือในกาแฟของเรา


ส่วนราคากาแฟนั้นถ้าเป็นกาแฟคั่วจะขายในปริมาณ 200 กรัม ราคา 250 บาท กาแฟสาร ราคากิโลกรัมละ 600 บาท ซึ่งราคากาแฟอาจจะแพงกว่าราคาในท้องตลาดทั่วไป เพราะกาแฟสวนลุงไข่ ผ่านกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพสูง ทั้งการเก็บตามช่วงเวลาที่เหมาะสม การล้างทำความสะอาด การสารและการสีเมล็ด กระบวนการบ่มที่นานกว่า 8 เดือน ก่อนนำมาคั่ว เพื่อนำไปผลิตเป็นกาแฟสดดื่มได้รสชาติ และกลิ่นหอมชุ่มชื่นใจสำหรับคอกาแฟ

“กาแฟลุงไข่” มีการพัฒนาต่อยอดจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก จนเป็นกาแฟคุณภาพจนได้รับรางวัลถึง 2 รางวัล คือ รางวัลสุดยอดกาแฟไทย ประจำปี 2564 ได้รับพระราชทานรางวัลชนะเลิศ จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และเหรียญเงิน ประเภทคุณภาพกาแฟระดับยอดเยี่ยม (Excellent) กาแฟโรบัสต้า จากโครงการประชาสัมพันธ์สุดยอดกาแฟไทย ประจำปี 2564 ร่วมกันจัดโดยกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมการค้าต่างประเทศ สมาคมกาแฟไทย สมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์


หากใครอยากลิ้มลองกาแฟลุงไข่ รสชาติเข้มๆ กลิ่นหอมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ สไตล์กาแฟโรบัสต้าชุมพร หรืออยากไปเที่ยวชมเรียนรู้การปลูกกาแฟอินทรีย์สวนลุงไข่ สามารถติดต่อไปได้ที่ คุณธนาสิทธิ์ สอนสุภา โทรศัพท์ 08-5214-7855 เฟซบุ๊ก SLKCOFFEE หรือกาแฟลุงไข่ By เด็กบ้านนอกเพียงพอ


กำลังโหลดความคิดเห็น