ตรัง - เกษตรกรในหลายพื้นที่รวมกลุ่มกันนำพื้นที่ว่างในสวนปาล์มมาปลูก “มันสำปะหลัง” เป็นพืชแซม ส่งขายในราคารับประกัน กก.ละไม่ต่ำกว่า 4 บาท สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ และตลาดยังต้องการสูงมาก
ภายในพื้นที่สวนปาล์มน้ำมัน อายุประมาณ 2 ปี พื้นที่หมู่ 9 ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ และอีกหลายพื้นที่ของ จ.ตรัง รวมเนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ บรรดากลุ่มเกษตรกร นำโดย นายพนม จิตรอักษร ชาวบ้านหมู่ 10 ต.หนองช้างแล่น อ.ห้วยยอด จะเข้าไปขอใช้พื้นที่ว่างจากเจ้าของสวนปาล์มน้ำมันทำการปลูกมันสำปะหลังแซม ซึ่งดำเนินการเช่นนี้มา 9 ปีแล้ว เพื่อนำวัตถุดิบส่งป้อนตลาดที่มีปริมาณความต้องการสูงมาก ทั้งที่ตลาดพืชผลทางการเกษตร ตลาดหัวอิฐ จ.นครศรีธรรมราช ตลาดโพหวาย ค้าผัก ผลไม้ จ.สุราษฎร์ธานี และอีก 5 โรงงานทำขนม ทั้งใน จ.นครศรีธรรมราช และพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นโรงงานผลิตขนมทอดโดยตรง ทำให้แต่ละวันมีออเดอร์จากตลาดทั้งหมดวันละประมาณ 2-5 ตัน รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้าปลีกที่ต้องการมันสำปะหลังอีกจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขณะนี้ผลผลิตที่ได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ดังนั้น นายพนม จิตรอักษร จึงพยายามส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกมันสำปะหลัง เพื่อสร้างรายได้เสริมให้ครอบครัว โดยที่ผ่านมา เกษตรกรยังขาดความรู้ ขาดความเข้าใจ ขาดความเชื่อมั่น และเข้าใจว่าหากปลูกมันสำปะหลังแล้วจะไม่มีตลาดรองรับ แต่ในความเป็นจริงตลาดต้องการสูงมาก อีกทั้งการปลูกไม่ได้ยุ่งยาก ไม่ต้องดูแลมาก ต้นทุนจริงเกิดจากการไถปรับพื้นที่เท่านั้น
ส่วนแรงงานสามารถช่วยกันได้ภายในครอบครัว ขณะที่ต้นพันธุ์ตัดเอาส่วนลำต้น หรือกิ่งที่ตัดโค่นหลังจากถอนผลผลิตขายแล้ว มาปักลงในดิน ทำมุงเอียง 45 องศา ที่ความลึกประมาณ 3-4 ตา ระยะห่างประมาณ 1.50 X 1.50 เมตร แล้วปล่อยทิ้งไว้ แต่หากพอมีทุนควรบำรุงดินด้วยปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยคอกบ้าง เพื่อให้มันสำปะหลังออกมามีผลผลิตสูง ประมาณไร่ 2-5 ตัน และหลังจากปลูกลงไปราวๆ 7 เดือนเศษเริ่มเก็บผลผลิตได้แล้ว
ทั้งนี้ เฉพาะแปลงของ นายพนม จิตรอักษร ซึ่งมีเนื้อที่ 10 ไร่ คาดว่าจะได้ผลผลิตประมาณ 25-30 ตัน และขายได้ในราคาตันละ 5,000 บาท หรือได้เงินไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทอย่างแน่นอน ถือเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่น่าสนใจ ความต้องการของตลาดสูงมาก และมีราคารับประกัน
ด้านนายอุทัย จิตรอักษร หนึ่งในกลุ่มเกษตรกรที่ร่วมปลูกมันสำปะหลัง บอกว่า มันสำปะหลังเป็นพืชที่ปลูกง่าย ไม่ยุ่งยากจุกจิก เพียงแค่ใช้เวลาว่างเข้ามาปรับแต่ง แล้วใส่ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยเคมีเท่านั้น ไม่ต้องทุ่มเทเวลามาก และใช้เวลาปลูกประมาณ 7 เดือนเศษเท่านั้น ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามาก