ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เอาจริงแล้ว! จังหวัดภูเก็ตปิดประกาศของเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้ผู้ที่ทำการปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของรัฐบริเวณหาดเลพัง ต.เชิงทะเล เนื้อที่ 178 ไร่ ขีดเส้นตายต้องรื้อถอนและขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่ภายใน 15 วัน หลังยืดเยื้อมาหลายปี
นายอานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายวิสิทธิ์ โชคชัย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต นายปวีณ กุมาร ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดภูเก็ต นายมาโนช พันธุ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล (อบต.เชิงทะเล) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บริเวณหมู่ที่ 4, 6 (หาดเลพัง) ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อปิดประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดี ให้ผู้ที่ปลูกสร้างสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของรัฐ ซึ่งศาลจังหวัดภูเก็ตได้มีหมายบังคับคดีให้โจทก์ที่ 1, 3, 4, 5 และบริวารขนย้ายทรัพย์สินและรื้อถอนซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินของรัฐออกไปและส่งมอบคืนในสภาพเรียบร้อย โดยกำหนดให้รื้อถอนให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายนนี้ หรือในวันทำการต่อไปจนกกว่าจะแล้วเสร็จ หากไม่ดำเนินใดๆ ทางเจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยมีผู้อ้างกรรมสิทธิ์การครอบครอง พร้อมทนายคอยสังเกตการณ์ และได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่า ให้ดำเนินการไปตามกระบวนการ และเรื่องทุกอย่างอยู่ในชั้นศาล โดยสิ่งปลูกสร้างที่มีคำสั่งให้รื้อถอนส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร และส่วนเกี่ยวเนื่อง ซึ่งให้บริการนักท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา
นายปวีณ กุมาร ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ทางสำนักงานบังคับคดีได้มีการปิดประกาศขับไล่มาแล้ว 1 ครั้ง โดยให้โอกาสว่า หากผู้ใดคิดว่ามีสิทธิให้ร้องต่อศาลภายใน 15 วัน ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561 และผ่านการต่อสู้คดีในศาลมาจนจบกระบวนการ ประกอบกับมีการร้องเรียนเรื่องของการบุกรุกดังกล่าว รวมถึงการเร่งรัดดำเนินการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากปัจจุบันผู้ที่ปลูกสิ่งปลูกสร้างในที่ดินของรัฐยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จึงได้มีการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และได้ข้อสรุปว่าจะให้โอกาสผู้บุกรุกทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ออกไปภายใน 15 วัน แต่ไม่ได้ให้โอกาสในการสู้คดีอีก หากครบกำหนดแล้วยังไม่มีการรื้อถอนทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาทำการรื้อถอนให้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากทางผู้อ้างสิทธิจะมีการไปฟ้องต่อศาลเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์อีกนั้น ซึ่งนายปวีณ กล่าวชี้แจงว่า โดยหลักการหากจะยื่นเรื่องต่อศาลทางบังคับคดีจะหยุดดำเนินการใน 2 กรณี คือ กรณีศาลในคดีนี้ (ศาลที่สั่งบังคับคดีไปแล้ว) สั่งให้งดคดีไว้ก่อน หรือมีการขอทุเลาบังคับคดีเท่านั้น หากมีการฟ้องคดีอื่นทุกคดี แล้วศาลคดีอื่นมีคำสั่งบังคับคดีไม่สามารถที่จะหยุดดำเนินการได้ เนื่องจากรณีมีผู้อ้างสิทธิฟ้องเป็นคดีใหม่ซึ่งมีการสืบพยานกันอยู่ในส่วนของบังคับคดีก็ต้องดำเนินการต่อ โดยจะดำเนินการตามคดีที่โจทก์ คือ นางอรพรรณ (ขอสงวนนามสกุล) คดีเดียว หากจะให้หยุดบังคับคดีต้องมาขอในคดีดังกล่าวเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ทุกกรณีที่มีการยื่นร้องต่อศาลมีคำสั่งยกคำร้องทุกเรื่อง
สำหรับการลงปิดประกาศบังคับคดีในครั้งนี้ สืบเนื่องจากศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 4537-4543/2560 เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2560 ให้ที่ดินพิพาทริมหาดเลพัง-ลายัน หมู่ที่ 4 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 178 ไร่ มูลค่าประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งครอบครองโดยเอกชน 6 ราย (เอกชนเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่และหน่วยงานรัฐเป็นจำเลย) เป็นที่สาธารณประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน และก่อนหน้านี้ เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2564 ทางสำนักงานบังคับคดี จ.ภูเก็ต ร่วมกับ อบต.เชิงทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวลงพื้นที่ เพื่อดำเนินการรื้อถอนอาคารสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในที่ดินตามที่มีคำพิพากษา แต่ปรากฏว่า มีกลุ่มผู้อ้างสิทธิและได้คัดค้านไม่มีการรื้อถอน โดยอ้างว่ามีการฟ้องคดีใหม่แล้ว โดยยื่นขอออกหมายจับในเวลาต่อมา ขณะที่บางรายขอที่จะทำการรื้อถอนเอง
แต่จากการลงพื้นที่ครั้งนี้ (12 ก.ย.) พบว่า บริเวณจุดที่ก่อสร้างอาคารทั้งแบบถาวรและชั่วคราว ซึ่งมีคำสั่งให้รื้อถอนไม่ได้มีการรื้อถอนแต่อย่างใด นอกจากนี้ บริเวณด้านหน้าทางเข้าพื้นที่แต่ละแปลงมีการขึ้นป้ายรูปแปลงที่ดินและข้อความ ระบุว่า “ที่ดินตามที่ระบุในแผนที่พิพาทในคดีของศาลจังหวัดภูเก็ตแปลงนี้เป็นของเอกชนอยู่ระหว่างพิพาทกับรัฐ ห้ามเจ้าหน้าที่และบุคคลอื่นใดเข้ามากระทำการใดๆ ในพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือกระทำการใดอันก่อให้เกิดความเสียหาย หากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายจนถึงที่สุดต่อไป ก่อนคดีจะถึงที่สุด หรือเสร็จเด็ดขาด ห้ามเข้ารบกวนการครอบครอง