ตรัง - ครอบครัวชาวตรังแห่กันไปทำบุญรับตายายวันสารทเดือนสิบตามวัดต่างๆ กันอย่างคึกคัก ถึงแม้ปีนี้เศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีและข้าวของต่างๆ มีราคาแพง เพื่อแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีของชาวปักษ์ใต้
วันนี้ (11 ก.ย.) ที่วัดกุฏยาราม ถนนเพลินพิทักษ์ ในเขตเทศบาลนครตรัง รวมทั้งวัดต่างๆ ในจังหวัดตรัง ได้มีประชาชนชาวตรัง พร้อมครอบครัว ทั้งคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย พ่อ แม่ พี่ น้องต่างจูงมือกันไปร่วมทำบุญวันสารทเดือนสิบ ประจำปี 2565 หรือวันรับตายาย หรือวันทำบุญเล็กอย่างคึกคัก พร้อมทั้งมีการนำอาหารคาวหวานไปร่วมทำบุญกันอย่างเนืองแน่นศาลาวัด ถึงแม้ปีนี้เศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีและข้าวของต่างๆ มีราคาแพง ทางวัดจึงได้มีการกางเต็นท์บริเวณรอบศาลาวัดเพื่อรองรับพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมทำบุญ และเว้นระยะห่างในการทำพิธีทางศาสนาตามมาตรการควบคุมโรค
โดยเฉพาะการนำขนมลา ขนมพอง ขนมบ้า ขนมดีซัม หรือขนมรู ขนมเทียน และขนมกง หรือขนมไข่ปลา มาร่วมพิธี เพราะมีความเชื่อที่ว่าขนมทั้งหมดนี้จะเป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งของเครื่องใช้ ซึ่งผู้ล่วงลับไปแล้วสามารถนำไปใช้เป็นยานพาหนะ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ เงินทอง และของเล่นตามประเพณี เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ถือเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี และความกตัญญูกตเวที ตามความเชื่อที่ว่า บุคคลเหล่านั้นจะกลับมาเยี่ยมลูกหลานในช่วงวันสารทเดือนสิบของทุกปี
นอกจากนั้น ยังได้มีการนำอาหารอีกส่วนหนึ่งไปตั้งบริเวณรอบนอกวัด เพื่อเป็นการตั้งเปรต หรือสัมภเวสี อย่างละเล็กอย่างละน้อย ก่อนที่จะมีการถวายสังฆทานแก่พระสงฆ์ พร้อมกับกรวดน้ำให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ อันถือเป็นการทำพิธีวันทำบุญเล็กอย่างสมบูรณ์ เพื่อช่วยกันสืบทอดประเพณีที่สำคัญของชาวปักษ์ใต้
ทั้งนี้ ประเพณีวันสารทไทย หรือวันสารทเดือนสิบ จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 เป็นวันบุญแรก หรือวันรับตายาย ซึ่งตรงกับวันที่ 11 กันยายน 2565 และวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 เป็นวันบุญหลัง หรือวันส่งตายาย ซึ่งตรงกับวันที่ 25 กันยายน 2565 ตามความเชื่อทางพุทธศาสนาที่ว่า พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย และญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องตกนรก หรือเรียกว่า เปรตนั้น จะได้รับอนุญาตให้มาพบกับญาติของตนในเมืองมนุษย์ได้ ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 และกลับไปสู่นรกดังเดิม ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10