ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ช่างภาพอิสระทิ้งงานในภูเก็ต กลับบ้านเกิด เปิดร้านกาแฟเล็กๆ ตกแต่งแบบเรียบง่ายสไตล์มินิมอล “จิบกาแฟ แลเขานางหงส์” ท่ามกลางบรรยากาศวิวทิวทัศน์ที่ไม่ธรรมดา ชมดวงอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอก
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ไม่เว้นประเทศไทย มีหลายคนที่ต้องตกงาน และมีบางคนที่ได้งานใหม่ เช่นเดียวกับหนุ่มคนนี้ “ศักดา เครือทอง” ช่างภาพอิสระ ที่เคยโลดแล่นประกอบอาชีพอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ยอมแพ้กับชะตาชีวิต เดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.พังงา ลงมือเปิดร้านกาแฟเล็กๆ ริมถนนสายนบปริง-น้ำตกสองแพรก บ้านโรงกลวง ม.8 ต.นบปริง อ.เมืองพังงา
โดยเปิดเป็นร้านสไตล์มินิมอล ชื่อร้าน SEED CAFÉ ถึงแม้ว่าจะเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่บรรยากาศวิวทิวทัศน์ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว โดยร้านตั้งอยู่ในพื้นที่สีเขียวของต้นไม้ และพืชผักพื้นบ้าน ทางทิศตะวันออกของร้านเป็นวิวที่มองผ่านสวนปาล์มน้ำมัน ไกลออกไปจะเห็นทิวเขาลูกหนึ่งที่มองดูคล้ายกับผู้หญิงนอนตะแคงยาวอยู่ในแนวป่าไม้ นั่นคือ “เขานางหงส์” ที่เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งของจังหวัดพังงา ที่เรื่องเล่านิทานพื้นบ้านเรื่องความรักที่ไม่สมหวังของนางหงส์กับนายเฒ่า
สำหรับบรรยากาศในช่วงเช้าๆ จะมีภาพของทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นมาจากแนวภูเขาประกอบกันเป็นภาพที่สวยงาม หากใครได้มาได้จิบกาแฟตอนเช้าชมทะเลหมอก และ พระอาทิตย์ขึ้นเหมือนกับเติมเต็มความสดชื่น ให้ชีวิตได้เป็นอย่างดี
“ศักดา เครือทอง” เจ้าของร้านกล่าวว่า ตนเองและแฟนเป็นชาวจังหวัดพังงา ก่อนหน้านี้เป็นช่างภาพอิสระ รับถ่ายภาพทั่วไปในจังหวัดภูเก็ต ส่วนแฟนทำงานโรงแรม ซึ่งทำมานานหลายปี จนรู้สึกเบื่อกับการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ประกอบกับครอบครัวแฟนมีที่ดินอยู่ในพื้นที่ทางขึ้นน้ำตกสองแพรก ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางการผจญภัยชื่อดังของจังหวัดพังงา
เมื่อมาดูโลเกชันแล้ว ชอบเป็นอย่างมาก จึงตกลงใจทิ้งงานในจังหวัดภูเก็ต กลับมาบ้านเกิด มาพัฒนาพื้นที่ทำร้านกาแฟเล็ก ๆ ปลูกพืชผักสวนครัว โดยทางร้านได้จำหน่ายกาแฟสดหลากหลายเมนูที่มีรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม ขนม เบเกอรีก็ทำเองในครอบครัว และยังมีอาหารตามสั่งไว้คอยบริการ แถมด้วยบริการเต็นท์ จุดกางเต็นท์สำหรับพักค้างคืน ไว้ให้คนที่อยากมาพักค้างคืนเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกในตอนเช้า
สำหรับการเบิดร้านกาแฟแห่งนี้ เพื่อให้คนที่ชื่นชอบกาแฟได้มานั่งจิบกาแฟ แลเขานางหงส์ สำหรับเขานางหงส์ มีนิทานตำนานที่เล่าต่อๆ กันมาตั้งแต่โบราณว่า มีชาย 2 คน เป็นเพื่อนรักกันคนหนึ่ง ชื่อเฒ่า อยู่บ้านทับปุด อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา อีกคนหนึ่งชื่อเต่า อยู่ที่เมืองพังงา นายเต่า มีลูกสาวสวยมากชื่อ นางหงส์ ไม่ยอมแต่งงานกับชายใด
ต่อมา นายเฒ่า มาสู่ขอจากนายเต่า นายเต่าเห็นว่านายเฒ่า เป็นคนดี รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา ก็ยกลูกสาวให้ พอถึงวันดีนายเฒ่า ก็ยกขันหมากแห่กันมาอย่างมโหฬาร เดินทางมาจากทับปุด มายังพังงา นายเต่าก็จัดการหุงหาอาหาร ฝ่ายนางหงส์ เห็นขบวนขันหมากมา สอบถามจนรู้ว่านายเฒ่า จะมาแต่งงานกับตนก็โกรธแค้นว่าแก่เฒ่าแล้วยังไม่เจียมตัว เพราะนางคิดว่า เฒ่า หมายถึงคนเฒ่าคนแก่ จึงตะโกนด่าต่างๆ นานาไม่ยอมแต่งงานด้วย
นายเฒ่า ทั้งโกรธทั้งอายเหวี่ยงขันหมากทิ้ง เวลาผ่านมานางหงส์ ได้ไปเที่ยวงานแห่งหนึ่ง ได้แอบเห็นนายเฒ่า เข้าก็ตกตะลึง เพราะเป็นคนหนุ่มรูปหล่อ นางหงส์ นึกเสียดายรีบกลับบ้านจัดพานดอกไม้ธูปเทียนเดินทางไปขอขมาลาโทษต่อนายเฒ่า ทันที เมื่อไปถึงก็รีบกราบขอขมาและบอกว่าจะยินดีแต่งงานด้วย
นายเฒ่า กลับตวาดด่าต่างๆ นานาและขว้างพานดอกไม้ทิ้ง นางหงส์ได้รับความอับอายอย่างยิ่ง จึงวิ่งกลับบ้านด้วยความแค้นสุดขีดจึงขาดใจตายในระหว่างทาง จากนั้นร่างของนางหงส์ กลายเป็น “เขานางหงส์” กั้นเขตแดนระหว่างอำเภอเมืองพังงา กับทับปุดมาจนถึงทุกวันนี้ ฝ่ายนายเฒ่า พอทราบข่าวก็เสียใจเดินทางไปทรุดนั่งเหม่อมองทะเลจนขาดใจตาย ร่างของนายเฒ่า กลายเป็น “เขาเฒ่า” อยู่ชายทะเลใน ต.บางเตย อ.เมืองพังงา
