xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นดับอนาคตทุเรียนไทย ตีกลับหมอนทอง ส่งขายจีน 38 ตัน ไร้คุณภาพ เผยมีขบวนการลักลอบนำทุเรียนเพื่อนบ้านมาสวมทับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชุมพร - ด่านตรวจพืชตีกลับทุเรียนหมอนทองล้งที่ จ.ชุมพร 38 ตัน ส่งขายประเทศจีน พบมีทั้งเพลี้ย ราดำ อ่อน ไม่มีคุณภาพ เผยทุเรียนราคาถูกลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านสวมสิทธิ์ทุเรียนไทยระบาดหนัก อาจดับอานาคตทุเรียนไทย


วันนี้ ( 7 ก.ย.) เจ้าหน้าที่จากกรมวิชาการเกษตร นำโดย นายธรรมนูญ แก้วคงคา ผอ.สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร พร้อมด้วย นายก้องกษิต สุวรรณวิหค ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาเกษตร เขต 7 สุราษฎร์ธานี นายธีระศักดิ์ ยมสวัสดิ์ เกษตรจังหวัดชุมพร และ กำลังสารวัตรเกษตร นายตรวจพืช ลงพื้นที่ตรวจสอบล้งรับซื้อทุเรียน เพื่อส่งออกไปยังประเทศจีน หมู่ที่ 7 ตำบลนาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร ซึ่งมีเจ้าของเป็นชาวจีน หลังจากเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืช จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร แจ้งว่ามีรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์นำทุเรียนหมอนทอง ที่ไม่ผ่านการตรวจของด่านตรวจพืช ได้ถูกส่งกลับไปยังล้งรับซื้อทุเรียนต้นทางดังกล่าว โดยมี นายวีรวัฒน์ จีระวงส์ นายกสมาคมชาวสวนผลไม้ชุมพร นำคณะมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย


เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือตัดอุปกรณ์ล็อคตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อนำเอาทุเรียนหมอนทอง ที่บรรจุในกล่องกระดาษจำนวนมาก มีน้ำหนักรวม 18 ตัน ออกมาตรวจสอบทุกคนถึงกับตกตะลึง เมื่อพบว่าลูกทุเรียนทั้งหมดมีสภาพไม่สมบูรณ์ ไม่มีคุณภาพ ไม่ได้ขนาดส่งออก เป็นตำหนิ มีทั้งเป็นโรคจากแมลง เพลี้ย และ ราดำ ไม่ได้มาตรฐานการส่งออกอย่างชัดเจน จึงได้สั่งอายัดทุเรียนเหล่านี้ไว้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย


จากนั้นคณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปอีกจุดซึ่งเป็นสาขาเจ้าของล้ง เดียวกัน ที่บริเวณสี่แยกเขาปีป หมู่ที่ 6 ตำทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ซึ่งเป็นที่ตั้งของล้งทุเรียน อีกราย เนื่องจากได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตรวจของด่านตรวจพืช เช่น เดียวกันว่า มีล้งทุเรียนส่งออกถูกเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชตีกลับทุเรียนหมอนทองมายังล้งดังกล่าว จำนวน 20 ตัน เมื่อตรวจก็พบว่ามีทุเรียนหมอนทอง จำนวนหนึ่ง เป็นโรคและติดเพลี้ย เป็นราดำ ทุเรียนอ่อน ปะปนอยู่ด้วย จึงได้ทำการอายัดตรวจสอบดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง


สำหรับจำนวนทุเรียนหมอนทองที่ส่งออกประเทศจีนทั้งหมดรวม 38 ตัน ที่ไม่ผ่านด่านตรวจพืชชายแดนที่ จ.นครพนม และ จ.มุกดาหาร มีมูลค่าส่งออกประมาณ 19 ล้านบาท หากหลุดลอดส่งออกไปยังปลายทางประเทศจีนได้ หากถูกตีกลับจะสร้างความเสียหายแก่วงการทุเรียนจากประเทศไทยเป็นอย่างมาก


ด้าน นางสาวมธุรา ศรีพรหม อายุ 43 ปี ผู้จัดการ ล้งทุเรียน ที่ไม่ผ่านด่านตรวจพืช กล่าวว่า ทุเรียนจำนวน 17,000 - 18,000 กิโลกรัม ที่ล้งรับซื้อ มาจากชาวสวนทุเรียนในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช เป็นทุเรียนที่ ตกไซส์ ไม่ได้ขนาด ไม่ใช่ทุเรียนเกรด A ส่วนการส่งออกไปขายยังประเทศจีนก็จะมีชิปปิ้งเป็นผู้ดำเนินการ ก่อนส่งออกก็มีการตรวจสอบที่ล้งก่อนแล้ว แต่ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด อาจจะเป็นเพราะใช้เวลาขั้นตอนในการส่งออกนาน เมื่อทุเรียนไปถึงด่านตรวจพวกโรคพืชและเพลี้ยที่มันอาจฝังเพาะตัวอยู่ในผลทุเรียนได้เติบโตออกมาให้เห็นก็เป็นไปได้


ด้านนายธรรมนูญ แก้วคงคา ผอ.สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ขั้นตอนก่อนส่งออกทุเรียนเมื่อถึงด่านตรวจพืชชายแดน จะมีการตรวจสินค้าก่อนออกใบรับรอง ไปยังต่างประเทศ หากสงสัยว่าทุเรียนด้อยคุณภาพ เป็นโรค มีราดำ มีเพลี้ย มีน้ำหนักต่ำกว่าที่แจ้ง ก็จะระงับการส่งออกและตีกลับมายังต้นทาง


แต่อย่างไรตามทั้งนี้ก่อนจะส่งทุเรียนออกจากจังหวัดชุมพร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีการตรวจสอบก่อน และ มีการติดสติกเกอร์รับรองให้ เมื่อไปถึงด่านตรวจพืช จะมีการตรวจเอกสารและสินค้า เพื่อรับรองสินค้าก่อนออกจากด่านไปยังต่างประเทศ แต่ถ้าไม่ตรงกันก็จะไม่ออกเอกสารให้


ส่วนกรณีดังกล่าวที่มีการตีกลับ ในส่วนของการดำเนินการ ด้านกฎหมาย ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรในพื้นที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้นตนคงตอบไม่ได้ ซึ่งคนในพื้นที่ต้องช่วยกันตรวจสอบดูแลด้วย


ขณะที่ นายดำรงศักดิ์ สินศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ตำบลบ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร เจ้าของสวนทุเรียนขนาดใหญ่ ที่เดินทางมาร่วมดูการตรวจสอบในครั้งนี้ กล่าวว่า ทุเรียนเป็นพืชสุดท้ายที่ผลผลิตราคายังไปได้ดี ถ้าชาวสวนหรือพ่อค้า เห็นแก่ตัว จะเป็นการดับอนาคตของทุเรียนไทย ส่วนทุเรียนที่เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบในครั้งนี้ ตนพบความผิดปกติเนื่องจากดูคุณภาพของผลผลิตทั้งขนาด ผิวสีของเปลือกทุเรียนแล้ว ไม่น่าจะใช่ทุเรียนที่ปลูกในประเทศไทย น่าจะเป็นทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีราคาถูกกิโลกรัมเพียง 40-50 บาท เท่านั้น แล้วลักลอบนำเข้ามาสวมสิทธิ์เป็นทุเรียนไทย แต่โชคดีที่ถูกตรวจพบเสียก่อนไม่งั้นเสียชื่อประเทศไทยแน่นอน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของล้งทุเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคนไทยมาเปิดรับซื้อทุเรียนในพื้นที่ จ.ชุมพร ได้มีผู้พ่อค้าซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัด เข้าไปพูดจาลักษณะเชิงข่มขู่ให้รับซื้อทุเรียน ที่ลักลอบนำเข้าจากประเทศเวียดนาม เพื่อสวมสิทธิ์เป็นทุเรียนไทยที่ปลูกในพื้นที่ จ.ชุมพร แต่เจ้าของล้งรายดังกล่าวไม่ยินยอมเพราะกลัวถูกจับ และจะสร้างความเสื่อมเสียงให้กับประเทศไทย และไม่กล้าไปร้องเรียนหน่วยงานเกี่ยวข้องในจังหวัด เพราะเกรงกลัวอิทธิพล จนตัวเองไม่ค่อยกล้าอยู่ที่ล้งรับซื้อทุเรียน ต้องให้ลูกน้องคอยดูแลรับหน้าที่แทนเรื่อยมา .




กำลังโหลดความคิดเห็น