นครศรีธรรมราช - เคราะห์ซ้ำกรรมซัด! 4 ชีวิตครอบครัวถูกเก๋งขยี้สาหัส ขณะจอดรถเดินไปส่งลูกหลานหน้าโรงเรียน ล่าสุดยังเคว้งครอบครัวหนี้ท่วม บ้านจ่อถูกยึด ไฟฟ้าจ่อถูกตัด ส่วนคดียังไม่เดินหน้า รอใบแพทย์นานกว่า 2 เดือนยังไม่แล้วเสร็จ แถมคนชนเมินชดใช้มาตายจากไปอีก
จากกรณีครอบครัวของ น.ส.ปานตา คำงาม อายุ 29 ปี มารดาของ ด.ญ.กัลยกร คำงาม หรือ “น้องออเจ้า” อายุ 4 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 1 และ ด.ช.ณัฐพัฒน์ คำงาม หรือ “น้องเคาตัล” อายุ 5 ขวบ นางสมสมร แจ่มสว่าง อายุ 58 ปี คุณยายของเด็กทั้ง 2 คน รวม 4 คน ถูกรถยนต์เก๋งชนในขณะที่ไปส่งหลานหน้าโรงเรียนทวดทอง ถนนกะโรม ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง 2 ราย คือนางสมสมร แจ่มสว่าง คุณยาย และ ด.ญ.กัลยกร คำงาม หรือ “น้องออเจ้า” อยู่ในสภาพเชิงกรานหัก มีแผลฉีกขาดจากอวัยวะเพศจนถึงทวารหนัก อวัยวะภายในเสียหาย แพทย์ต้องผ่าตัดระบายของเสียออกจากทางหน้าท้อง
ล่าสุด วันนี้ (2 ก.ย.) มีรายงานว่าขณะนี้ทางครอบครัวยังตกอยู่ในสภาวะวิกฤตจากผลพวงที่ได้รับ กลายเป็นวิกฤตซ้ำเมื่อไม่สามารถทำงานได้ ไม่มีทุนหมุนเวียนขายของในร้านค้า ต้องนำเงินมาใช้รักษาตัวมารดาและลูก หนี้สินที่ต้องกู้มาหมุนเวียนจากสถาบันการเงินพอกพูนจนไม่สามารถส่งชำระได้ อีกทั้งค่าไฟฟ้าที่ถูกแจ้งหนี้ ไม่สามารถชำระได้มากว่า 3 เดือนแล้ว และอาจต้องถูกตัดกระแสไฟในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
นางสมสมร แจ่มสว่าง คุณยายที่อยู่ในสภาพติดเตียงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กล่าวทั้งน้ำตาถึงความเดือดร้อนที่ได้รับจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นว่า ไร้ความรับผิดชอบใดๆ จากผู้ที่ขับขี่รถคันดังกล่าว สภาพของครอบครัวในขณะนี้วิกฤตหนัก นอกจากตนเองที่ไม่สามารถค้าขายได้แล้วนั้น ภาระทั้งหมดต้องตกไปอยู่ที่ลูกที่ต้องมาดูแล ทำงานไม่ได้ เดือดร้อนอย่างหนักแล้ว อีกไม่นานบ้านที่อาศัยคงไม่พ้นถูกยึด
ด้าน น.ส.ปานตา คำงาม ผู้เสียหาย และผู้รับภาระในการดูแลทุกชีวิตที่ได้รับผลกระทบ ระบุว่า จนถึงขณะนี้อยู่ในสภาพลำบากมาก เข้าสู่วิกฤตสุดๆ แล้ว ภาระค่าไฟฟ้า 3 เดือนที่ยังไม่มีชำระ เพราะต้องนำเงินมาใช้ในการรักษาตัวแม่และลูก มีการแจ้งเตือนเตรียมตัดกระแสไฟฟ้า ภาระหนี้ก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยมีปัญหา จากการกู้ธนาคารออมสินที่นำเงินมาหมุนเวียนลงทุนสินค้าในร้านก็ไม่ได้ชำระ สินค้าไม่มีขาย ทุนหายกำไรหายไปหมด ไม่มีรายได้เข้ามา จนภาระหนี้ขาดการส่งจ่ายไปแล้ว 3 เดือน ธนาคารส่งใบแจ้งเตือนมาแล้ว และคงไม่พ้นโดนยึดบ้านที่ดินแน่
“เคว้งคว้างมาก ตั้งแต่เกิดเหตุคนชนไม่เคยมาเยียวยาดูแล ไม่แม้แต่บาทเดียว และล่าสุดนั้นมีการแจ้งมาว่าคนชนได้เสียชีวิตแล้ว ภรรยาของเขาประกาศไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ไปดูทางคดีกว่า 2 เดือนแล้วยังไม่มีการส่งฟ้อง เนื่องจากต้องรอใบแพทย์จากโรงพยาบาลมหาราช ซึ่งจนขณะนี้ใบแพทย์ยังไม่เสร็จ ตำรวจส่งฟ้องไม่ได้ ผู้ชนมาตายหนีไปอีก เราจะหาความรับผิดชอบจากไหนกับวิกฤตครอบครัวของเรา”
คดีนี้ผู้สื่อข่าวได้มีการตรวจสอบพบว่า พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้ทำสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมที่จะส่งฟ้องผู้ต้องหา คือผู้ที่ขับขี่รถฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมีเอกสารหลักฐานสำคัญที่ต้องรอ คือ ใบชันสูตรจากแพทย์ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ซึ่งขณะนี้กว่า 2 เดือนแล้วยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้คดีต้องมีความล่าช้า แต่เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้เสียชีวิต ทำให้อาจเกิดปัญหาทางกฎหมายที่ไม่สามารถฟ้องคดีอาญาได้ ยิ่งทำให้ความเดือดร้อนตกอยู่กับครอบครัวผู้เสียหายซ้ำซ้อนต่อไปอีก
สำหรับเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 มิถุนายน 2565 ที่หน้าโรงเรียนบ้านทวดทอง ริมถนนกะโรม ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รถเก๋งคันหนึ่งพุ่งเข้าชนท้ายรถเก๋งอีกคันที่จอดอยู่ริมทาง โดยคุณแม่และคุณยายที่ลงจากรถมาส่งลูกหลานอีก 2 คน เข้าเรียนในโรงเรียนได้รับบาดเจ็บหนัก 4 ราย รถเก๋งที่ชนท้ายได้ขยี้ร่างของเด็กหญิงวัย 4 ขวบ และคุณยายครูดเข้าไปใต้ท้องรถจนอาการวิกฤต ส่วนคุณแม่กระเด็นได้รับบาดเจ็บ พี่ชายของเด็กหญิงอายุ 5 ขวบที่ยังอยู่ในรถได้รับบาดเจ็บศีรษะฟาด บาดเจ็บหนักเช่นเดียวกัน จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเยียวยาใดๆ เกิดขึ้น และคดียังไม่เข้าสู่กระบวนการพิจารณา จนผู้ต้องหามาเสียชีวิตไปก่อนแล้ว