พัทลุง - เริ่มแล้วยิ่งใหญ่! การแข่งขันตีโพนชิงถ้วยพระราชทาน รอบคัดเลือกสนามที่ 1 ณ สนามสวนสาธารณะเขาเจียก อ.เมืองพัทลุง ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึง 2 กันยายน 2565
วันนี้ (31 ส.ค.) เมื่อเวลา 19.00 น. ที่สนามสวนสาธารณะเขาเจียก นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายก อบจ.พัทลุง ได้เป็นประธานในงานพิธีเปิดการแข่งขันตีโพนรอบคัดเลือก โดยมี นายไกรวัฒน์ ธรรมเพชร นายกเทศมนตรีตำบลเขาเจียก นายสมเกียรติ กรดเต็ม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลตะแพน นายรนชัย ตั้งพูลผลวิวัฒน์ นายกเทศมนตรีตำบลมะกอกเหนือ นายสมพงษ์ ปานเพชร นายกเทศมนตรีตำบลปรางหมู่ และนายภวัต อินทนุ ผู้เชี่ยวชาญงานโพน ได้ร่วมกันเปิดงานประเพณีแข่งโพนลากพระ ที่จะมีการจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึง 2 กันยายน 2565 และปีนี้ถือเป็นปีแรกที่ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน เพื่ออนุรักษ์ประเพณีอันดีงามที่เป็นเอกลักษณ์ของทางจังหวัด โดยมีค่ายโพนทั่ว จ.พัทลุง กว่า 21 ค่ายโพน ส่งเข้าแข่งขันทั้งโพนขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่
“โพน” เป็นเครื่องตีประโคมเสียงอีกชนิดหนึ่งที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในภาคใต้ โดยเฉพาะ จ.พัทลุง และจังหวัดใกล้เคียง ชาวบ้านยังนิยมสร้างโพนเพื่อนำไปใช้ตีบอกเวลา ตีส่งเสียงเตือนภัย และใช้ตีประโคมเสียงในกิจกรรมชักพระในวันออกพรรษา แม้ว่าปัจจุบันจะมีเครื่องตีชนิดอื่นเข้ามาใช้ทดแทน แต่การสร้างโพนยังมีแพร่หลายใน จ.พัทลุง และได้พัฒนาจากที่เคยสร้างโพนเพื่อนำไปถวายวัดให้พระได้ใช้ตีบอกเวลา หรือตีโพนเพื่อการอื่น ยังมีการสร้างโพนเพื่อจำหน่าย และสร้างเก็บไว้เพื่อใช้ตีในพิธีอื่นๆ อีกด้วย
การสร้างโพนใช่ว่าจะสร้างกันได้ง่ายๆ ต้องอาศัยชาวบ้านผู้ที่มีประสบการณ์ในการสร้างโพนตามแบบโบราณมาช่วยกำกับดูแล เริ่มตั้งแต่จัดหาไม้เนื้อแข็งให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ ส่วนใหญ่จะเป็นไม้ตะเคียนทอง ไม้ขนุน และไม้ประดู่ เพราะเนื้อแข็ง เนื้อจะไม่ยุ่ยเมื่อนำมาสร้างโพน แต่ปัจจุบันมีช่างสร้างโพนได้นำไม้ตาลโตนด แทนการใช้ไม้เนื้อแข็งอื่นๆ เมื่อได้ไม้มาแล้วตัดออกเป็นท่อนให้ได้สัดส่วนกับความใหญ่ของไม้ หลังจากนั้นเจาะขึ้นรูป และตบแต่งภายในให้เป็นอกไก่ เพื่อกำหนดเสียงโพนให้มีเสียงดังตามภูมิปัญญาของช่างโพนแต่ละคน
เสร็จแล้วนำหนังควายที่จัดเตรียมไว้มาแช่น้ำเพื่อให้หนังอ่อนนุ่ม และยังใช้ท่อนไม้ตีหนังควายเพื่อทำลายพังผืด และไขมันออกจากหนัง เมื่อหนังควายอ่อนบางได้ที่แล้วนำไปคลุมหน้าโพน ซึ่งได้เตรียมวางไว้กลางแจ้ง มีการใช้ไม้ทำเป็นคันเบ็ดเพื่อยึดหนังให้ตึง และชาวบ้านจะช่วยกันตีโพนต่อเนื่องหลายวัน ตีจนกว่าหนังควายจะตึงได้ที่ แล้วนำสลักที่จัดไว้ปักยึดหนังให้ติดกับโพน และจะทำเหมือนกันทั้ง 2 หน้า สร้างโพนแต่ละลูกจะต้องใช้เวลา 15-20 วัน ก่อนที่จะนำออกมาตี และจำหน่ายให้ผู้ที่สนใจหาซื้อโพนนำไปถวายวัดในพื้นที่ และต่างจังหวัด ปัจจุบัน จ.พัทลุง มีค่ายโพนมากถึง 32 ค่าย และ จ.พัทลุง มีโพนกระจายอยู่ตามค่ายโพน และยังใช้งานอยู่ตามวัดต่างๆ ใน จ.พัทลุง ประมาณ 800 ลูก และมีโพนบางลูกที่มีอายุยาวนานเกิน 100 ปี
สำหรับ “โพน” เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ จ.พัทลุง และเป็นหนึ่งเดียวของภาคใต้ที่ยังมีการอนุรักษ์รูปแบบการสร้างโพนแบบโบราณ นอกจากจะสร้างเพื่อนำไปถวายวัดให้พระได้ใช้งานแล้ว ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการสร้างโพน ยังได้จัดสร้างเพื่อจำหน่ายหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว บางรายยังทำเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน และจัดตั้งค่ายสร้างโพนเป็นอาชีพหลักด้วย
และเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้มีการอนุรักษ์ สืบสานประเพณีอันดีงาม ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป อบจ.พัทลุง ได้กำหนดจัดงานแข่งโพนลากพระ ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2565 ซึ่งปีนี้ จ.พัทลุง ได้กำหนดจัดงานแข่งโพนลากพระ จำนวน 5 สนาม มีรอบคัดเลือก จำนวน 4 สนาม และรอบชิงชนะเลิศในวันออกพรรษา
โดยเริ่มแข่งสนามที่ 1 อบจ.พัทลุง ร่วมกับเทศบาลตำบลเขาเจียก อ.เมืองพัทลุง จัดแข่งโพนที่สวนสาธารณะเขาเจียก ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคมถึง 2 กันยายน 2565 สนามที่ 2 อบจ.พัทลุง ร่วมกับ อบต.ตะแพน อ.ศรีบรรพต จัดแข่งในระหว่างวันที่ 7-9 กันยายน 2565 ณ สนามโรงเรียนตะแพน สนามที่ 3 อบจ.พัทลุง ร่วมกับเทศบาลตำบลมะกอกเหนือ อ.ควนขนุน จัดให้มีการแข่งโพน ระหว่างวันที่ 14-16 กันยายน 2565 ณ สนามอุทยานปรมาจารย์สายเขาอ้อ สนามที่ 4 อบจ.พัทลุง ร่วมกับเทศบาลตำบลปรางหมู่ อ.เมืองพัทลุง จัดแข่งในวันที่ 21-23 กันยายน 2565 ที่สนามหน้าที่ทำการเทศบาลตำบลปรางหมู่ ส่วนสนามชิงชนะเลิศ อบจ.พัทลุง ร่วมกับเทศบาลเมืองพัทลุง จัดแข่งที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง ในระหว่างวันที่ 7-10 ตุลาคม 2565
การแข่งขัน 4 สนามรอบคัดเลือกนั้นจะมีการจัดแข่งตั้งแต่โพนขนาดเล็ก ความกว้างหน้าโพนไม่เกิน 38 เซนติเมตร ขนาดกลางเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 38-48 เซนติเมตร โพนขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางหน้าโพนไม่เกิน 48-68 เซนติเมตร และโพนเยาวชนชาย-หญิง เส้นผ่าศูนย์กลางหน้าโพนไม่เกิน 38 เซนติเมตร ทางคณะกรรมการจะนำเอาโพนที่ชนะเลิศ รองชนะเลิศ เข้ารอบแต่ละสนามรุ่นละ 2 คู่ สนามละ 8 คู่ มาแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ และโพนที่ชนะเลิศทั้ง 4 รุ่น จะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และปีนี้จะมีการประกวดตัดสินมอบรางวัลโพนสวยงามอีกด้วย ซึ่งคาดว่าจะมีค่ายโพน และวัดต่างๆ ใน จ.พัทลุง และจังหวัดใกล้เคียงส่งโพนเข้าแข่งขัน จำนวน 4 รุ่น ไม่น้อยกว่า 500 ลูก และโพนที่ชนะเลิศการแข่งขันทุกรุ่นจะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปครอง


