ชุมพร - รวบแล้วคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงเจ้าของสวนทุเรียน ที่แท้เป็นน้องเมียผูกใจเจ็บกันมานาน อ้างพี่เขยเสพยาบ้าแล้วมักทำร้ายพี่สาว ไม่แบ่งเงินค่าแรงช่วยทำสวน ด้านเมียผู้ตายเผยทั้งน้ำตาสงสารน้องชายจบปัญหาช่วยพี่สาว
จากกรณีพบศพ นายนิวัฒน์ บรรจงการ อายุ 55 ปี ถูกคนร้ายแทงด้วยอาวุธมีดเสียชีวิตอยู่ใต้ต้นทุเรียน ริมถนนสายหนองหอยโข่ง หมู่ 6 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนยาวขนาด .22 พร้อมแมกกาซีนไม่มีกระสุน 1 กระบอก และริมถนนใกล้กับศพ มีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีขาวทะเบียน กฉ 3941 ชุมพร ของผู้ตายจอดอยู่
ล่าสุด วันนี้ (9 ส.ค.) ชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร นำโดย พ.ต.ต.สกฤชญ นิตย์ สว.(สืบสวน) สภ.เมืองชุมพร สืบจนทราบว่าผู้ต้องสงสัยในการก่อเหตุในครั้งนี้น่าจะเป็นคนใกล้ชิด ซึ่ง 1 ในนั้นคือ นายพงศักดิ์ พรหมรัตน์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/2 หมู่ที่ 9 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งเป็นน้องชายของ นางสังวร บรรจงการ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/5 หมู่ที่ 6 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร ภรรยาของ นายนิวัฒน์ บรรจงการ อายุ 55 ปี ผู้ตาย ที่ส่วนใหญ่นายพงศักดิ์ จะไปไหนมาไหนด้วยกันกับผู้ตายซึ่งเป็นพี่เขยเป็นประจำ และผู้ตายมีพฤติกรรมเสพยาบ้าแล้วมักจะอาละวาดทุบตีนางสังวร ผู้เป็นภรรยาซึ่งเป็นพี่สาวของนายพงศักดิ์ เป็นประจำ
ชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้คุมตัวนายพงศักดิ์ มาสอบสวนปากคำ ในครั้งแรกให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ทราบและไม่ได้อยู่ด้วยกับผู้ตายในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอโทรศัพท์มือถือมาตรวจสอบจนพบรูปภาพเป็นอาวุธปืนลูกซองสั้น กุญแจรถ และอาวุธมีด ซึ่งเป็นอาวุธมีดมีลักษณะเดียวกับที่เจ้าหน้าที่พบตกอยู่ใต้ต้นมังคุดห่างจากที่เกิดเหตุเพียง 30 เมตร เจ้าหน้าที่จึงได้ซักถามและหว่านล้อมอยู่กว่า 2 ชั่วโมง จนในที่สุด นายพงศักดิ์ ยอมเปิดปากรับสารภาพว่า ตนเองเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดเล่มดังกล่าวแทงนายนิวัฒน์ พี่เขยตายจริง
นายพงศักดิ์ ให้การว่า สาเหตุเป็นเพราะผูกใจเจ็บมานานในพฤติกรรมของนายนิวัฒน์ พี่เขย ซึ่งมักจะยิงปืนใส่บ้าน นางพันธุ์ทิพย์ ซึ่งเป็นพี่สาวอีกคนหนึ่งของตนเอง และเคยใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ใส่ตนหลายครั้ง โดยหลังจากที่ตนพ้นโทษออกจากเรือนจำ เนื่องจากถูกจับกุมความผิดข้อหาอาญา ได้มาหาพี่สาวอยู่เป็นประจำ พี่สาวจะบอกกับตนว่าช่วงระหว่าง 2 ปีที่ผ่านมา ถูกนายนิวัฒน์ สามีทำร้ายอยู่บ่อยครั้ง และนายนิวัฒน์ เคยมีเหตุชู้สาวกับหลานของตน จนทำให้หลานเกิดความอับอายจนผูกคอตายเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา
นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของผลผลิตจากการทำสวนทุเรียนในแต่ละครั้งจะขายทุเรียนได้เงินเป็นจำนวนมาก แต่ไม่เคยแบ่งเงินให้พี่สาวและตนได้ใช้เลย ทำให้พี่สาวและตนต้องอยู่อย่างลำบาก ต้องคอยเก็บกล้วย หมาก หรือสิ่งอื่นภายในสวนมาขายเพื่อหาเงินใช้เอง ในขณะที่นายนิวัฒน์ กลับนำเงินจากการขายทุเรียนไปสร้างบ้านให้ฝ่ายน้องสาวของตัวเองซึ่งมาจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี เลยรู้สึกไม่พอใจ
นายพงศักดิ์ ยังให้การอีกว่า วันเกิดเหตุคืนวันที่ 7 สิงหาคม 2565 เวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่า นายพงศักดิ์ พี่เขยกลับจากงานมงคลสมรสมาที่บ้านและนั่งคุยกันได้สักพัก จากนั้นนายพงศักดิ์ จะกลับไปนอนบ้านที่สวนทุเรียน และ พี่สาวบอกให้พาตนกลับไปนอนในขนำกลางสวนทุเรียนด้วย โดยนายนิวัฒน์ เป็นผู้ขับ ส่วนตนนั่งเบาะด้านหน้าซ้ายข้างคนขับ แต่เมื่อนั่งรถออกจากบ้านได้ประมาณ 200 เมตร นายนิวัฒน์ ได้พูดขึ้น ว่า ตนเองเป็นภาระของครอบครัว ยิงให้ตายเลยดีกว่า ซึ่งตนไม่ได้โต้เถียงอะไร
แต่นายนิวัฒน์ กลับจอดรถที่ขอบทางด้านซ้ายและได้หันไปหยิบปืนยาวที่วางอยูที่เบาะหลัง ทำให้ตนตกใจ คิดว่าผู้ตายจะยิงจริงๆ จึงใช้มือขวาปัดปืนและมือซ้ายชักมีดตัดทุเรียนที่พกติดตัวอยู่เป็นประจำจ้วงแทงไปที่ลำตัวผู้ตาย 2 ครั้ง แต่จำไม่ได้ว่าแทงโดนส่วนใด ก่อนจะเปิดประตูรถและวิ่งไปแอบที่ด้านหลัง ส่วนนายนิวัฒน์ เปิดประตูรถฝั่งคนขับวิ่งหนีเข้าไปในสวนทุเรียนที่อยู่ห่างจากถนนประมาณ 15 เมตร และเสียชีวิตดังกล่าว
นายพงศักดิ์ ให้การต่ออีกว่า หลังจากนั้นตนเองได้หยิบอาวุธปืนขนาด .22 ของนายนิวัฒน์ ที่อยู่ในรถโดยถอดแมกกาซีนออกแล้วไปวางไว้ที่ข้างๆ ร่างของนายนิวัฒน์ ขณะที่เข้าไปนั้นไม่แน่ใจว่านายนิวัฒน์ ตายแล้วหรือไม่ ซึ่งไม่ได้คิดว่าจะยิงหรือแทงซ้ำแต่อย่างใด และเมื่อตนกลับมาที่รถยนต์ได้ใช้มีดเล่มที่ก่อเหตุแทงยางรถล้อหลังด้านขวาไป 1 ครั้ง และได้เอาอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุไปล้างที่ขนำในสวนทุเรียนของพี่สาว ที่อยู่ห่างกันประมาณ 400 เมตร
ต่อมาช่วงเช้ามีชาวบ้านแจ้งตำรวจพบศพของพี่เขย ตนไปดูในที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งตนได้พกมีดสั้นตัดทุเรียนไปด้วย กลัวว่าตำรวจจะค้นพบ จึงทำทีไปปัสสาวะและนำอาวุธมีดไปทิ้งไว้บริเวณใต้ต้นมังคุดห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 15 เมตร และตำรวจตรวจสอบเจอใช้เป็นหลักฐานได้ภายหลัง
ด้านนางสังวร บรรจงการ อายุ 57 ปี ภรรยาผู้ตายหลังทราบว่าคนร้ายคือน้องชายตนเอง จึงได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองชุมพร พร้อมกล่าวทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจที่น้องชายได้ก่อเหตุในครั้งนี้ คงเห็นใจตนที่ถูกพี่เขยทำร้ายอยู่ตลอด ที่ผ่านมาน้องชายไม่เคยปริปากพูดอะไรในใจให้ฟัง มีแต่น้องชายเท่านั้นที่รู้อะไรหลายๆอย่างที่ตนเองต้องอยู่กับความทุกข์ทรมาน และยิ่งหนักขึ้นทุกวัน แต่น้องชายก็ไม่สมควรเอาตัวเองไปรับชะตากรรมแบบนั้น
เจ้าหน้าที่จึงได้บักทึกปากคำ พร้อมให้นายพงศักดิ์ลงลายมือเซ็นคำให้การทั้งหมด ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป