โดย นายหัว แหล่งใต้
กระแสข่าวเรื่องกุ้งนำเข้าที่ร้อนแรงขึ้นมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกิดขึ้นเพราะมีสื่อนอกตีข่าวว่า เอกวาดอร์ภูมิใจที่สามารถส่งกุ้งเข้าไทยได้แล้ว ในขณะที่ข่าวในไทยไม่มีออกมาเลย เป็นเหตุให้เกิดคำถามในวงเกษตรกรถึงการทำงานของกรมประมงที่ไม่โปร่งใส และไม่สอดคล้องกับนโยบายที่เคยให้ไว้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไทย
ต่อมา อธิบดีกรมประมง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ หรือแม้แต่โฆษกรัฐบาล แท็กทีมกันออกมาอธิบายด้วยคำพูดสวยหรู เหมือนเมื่อครั้งให้ความหวังคนเลี้ยงกุ้งไทยว่าจะทวงแชมป์กุ้งโลกกลับมา ด้วยการผลักดันผลผลิตให้ได้ 4 แสนตันในปี 2566 ซึ่งเป็นเพียงวาทกรรมเดิมที่มองไม่เห็นรูปธรรมในการปฏิบัติ และระยะเวลาที่เหลืออีก 1 ปีนับจากนี้ ถ้าจะมีผลผลิตขนาดนี้ได้ เรื่องกุ้งของไทยต้องกลายเป็นเรื่องช้าง บรรจุเข้าเป็น “วาระแห่งชาติ” ที่รัฐบาลต้องระดมสรรพกำลังผลักดันอย่างสุดกำลังเท่านั้น จึงจะพอเห็นแววว่าจะเป็นจริงขึ้นมาได้ ที่สำคัญคือต้องหยุดนำเข้ากุ้งทันที เพราะมันกำลังมีผลกระทบต่อราคากุ้งในประเทศให้เกษตรกรถอดใจ
จะว่าไปกระทรวงสำคัญของประเทศ ทั้งกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ และรวมถึงสำนักนายกฯ ที่โฆษกรัฐบาลสังกัด ก็ล้วนมาจากแหล่งเดียวกัน เป็นคนของ “พรรคประชาธิปัตย์” เหมือนกัน น่าจะหารือพูดคุยประเด็นนี้มาแล้ว ตั้งแต่ก่อนตัดสินใจอนุมัตินำเข้ากุ้งจากประเทศคู่แข่งแบบเงียบๆ แต่สามารถเอื้อประโยชน์ตอบโจทย์ความต้องการของห้องเย็นและโรงงานแปรรูปกุ้งได้เต็มที่ ขณะที่ผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งไทย ถูกลดระดับความสำคัญและมองข้ามไปเสีย
ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
เป็นไปได้หรือที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ผู้สวมหมวกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จะมองไม่เห็นสถานการณ์ ทั้งๆ ที่ควรแสดงความเห็นได้ว่า “กุ้งไทย” เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ เป็น Local Content ที่ต่างชาติรับรู้แล้วว่าไทยใช้วัตถุดิบแทบทั้งหมดจากในประเทศ การนำกุ้งต่างชาติมาสวมแบรนด์กุ้งไทยจะเกิดความเสียหายและกระทบในระยะยาว ท่านสามารถค้านการนำเข้ากุ้งได้ว่าระดับราคากุ้งในประเทศสูงเพราะปริมาณน้อยและมันจะสูงอยู่ในช่วงเดียว เมื่อรัฐบาลเร่งเพิ่มผลผลิตกุ้ง ราคาจะลดลงเองตามกลไกตลาด ซึ่งไม่เคยมีสินค้าเกษตรตัวใดที่นำเข้ามาแล้วจะไม่ส่งผลถึงราคาในประเทศ
แนวทางที่เหมาะสมคือการสนับสนุนให้ห้องเย็นใช้ผลผลิตกุ้งไทย แม้จะมีราคาสูงกว่ากุ้งนำเข้าในช่วงนี้ เพื่อเป็นผลดีและสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรลงกุ้งเข้าเลี้ยง ภายใต้การสนับสนุนทุกทิศทางของรัฐ ในที่สุดราคากุ้งจะสมดุลตามอุปสงค์อุปทานที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ตั้งอยู่บนความต้องการของ “ห้องเย็น” ที่ประสงค์จะใช้วัตถุดิบราคาถูกลง โดยมองข้ามผลกระทบที่จะตามมาถึงเกษตรกรและอุตสาหกรรมกุ้งของไทยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ
ท่านเป็นหัวหน้าเกษตรกรไทยทั้งประเทศ มีหน้าที่ยืนอยู่ฝั่งเกษตรกร ท่านควรกังวลว่าการนำเข้ากุ้งมีความเสี่ยงเรื่องโรคและคัดค้าน ขณะเดียวกัน ต้องพยายามส่งนักวิจัย นักวิชาการประมงลงพื้นที่เร่งแก้ไขเรื่องโรคกุ้งที่ยังคงมีอยู่ รวมไปถึงการเรียกร้องผลักดันงบประมาณ เพื่อทำการวิจัยวัคซีนช่วยเหลือเกษตรกรของท่านอย่างสุดความสามารถ ซึ่งหากไทยวิจัยวัคซีนโรคกุ้งได้สำเร็จ ไม่เพียงจะดันกุ้งไทยทวงแชมป์โลกได้ แต่ไทยจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการโรคระบาดสัตว์น้ำที่โลกต้องทึ่งด้วย รวมถึงการวางมาตรการเลี้ยงกุ้งอย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในกระแสโลกได้อย่างครอบคลุม
แม้กระทั่งในฐานะโฆษกรัฐบาล ก็เชื่อว่ายังสามารถแสดงความคิดเห็นต่อสิ่งที่จะสื่อสารกับประชาชนและเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งออกมาได้ ไม่ใช่เพียงอ่านตามบทโดยไม่รู้แม้กระทั่งบทที่อ่านนั้นกระทบเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งอย่างไร
ก่อนที่จะแท็กทีมมาแก้ต่างชี้แจงประเด็นนำเข้ากุ้ง ซึ่งดูแปลกๆ และผิดปกติวิสัย ... ช่วยแท๋กทีมทำงานลงรายละเอียดจริงจังกับ “แผนฟื้นฟูและพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งไทย” ที่เคยเป็นพระเอก “ทำเงินเข้าประเทศ” กว่าแสนล้านบาท เพื่อร่วมกันฟื้นเศรษฐกิจไทย ดีกว่าไปช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจคู่แข่ง
จากนี้หวังจะได้เห็นความพยายามอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้เรื่องกุ้งในมือพรรคประชาธิปัตย์ กลายสภาพจากความหมองหม่นเป็นกุ้งไทยที่สดใสในเร็ววัน ... คนเลี้ยงกุ้งหลายหมื่นคนเฝ้าติดตามการทำงานเรื่องนี้อย่างจดจ่อ และพร้อมเดินหน้าชนหากแผนฟื้นฟูที่จะเกิดขึ้นเป็นเพียง “ปาหี่” หลอกเกษตรกรไปวันๆ